Yesterday (2019)
เยสเตอร์เดย์
คะแนน
โกดังหนัง
ภาพยนตร์รักโรแมนติกอารมณ์ Feel Good
ที่จะพาคุณอิ่มเอมใจไปกับบทเพลง The Beatles
ลองดูซักครั้ง คุณจะหลงรักหนังเรื่องนี้ทันที
คำคมจากภาพยนตร์
"I've been waiting half my life for you to wake up and love me" "ฉันรอมาครึ่งชีวิตแล้วเพื่อให้คุณตื่นขึ้นและรักฉัน"
เรื่องย่อ
แจ็ค มาลิค นักร้องนักแต่งเพลงจากเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ริมทะเลในอังกฤษ ต้องต่อสู้เพื่อความสำเร็จในชีวิตนักดนตรี แม้ว่าความหวังจะดูเลือนลาง แต่แล้วในคืนหนึ่งเกิดไฟดับทั่วโลก แจ็คประสบอุบัติเหตุถูกรถเมล์ชนและตื่นขึ้นมาและพบว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้จักเดอะบีเทิลส์ ปัญหาวุ่นวายและซับซ้อนในชีวิตจึงเกิดขึ้น เมื่อแจ็คเริ่มเล่นเพลงของ เดอะ บีเทิลส์ให้ผู้คนมากมายที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากขึ้น แม้ว่าการงานกำลังรุ่ง แต่เรื่องความรักของเขากับ เอลลี่ เพื่อนรักตั้งแต่วัยเยาว์ ดูเหมือนจะไม่เข้าทาง สุดท้ายก็คงต้องเลือกว่าจะกลับไปอยู่เส้นทางสายดนตรี หรือสานฝันกับสาวที่เขารักกันแน่
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Yesterday คือการหยิบช่วงเวลาของนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของคนผิวสีออกมาเล่าในมุมสว่างให้ความรู้สึกเป็นธรรม จากการกฏขี่ข่มเหงของกลุ่มคนที่เห็นต่างทั้งเรื่องสีผิว และสิทธิมนุษยชนที่ในยุคก่อนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลายๆแง่มุมค่อนข้างสะเทือนใจกับการกระทำที่ไม่เป็นธรรมของทางการที่อยากจัดการกลุ่มคนที่เห็นต่างที่เรียกร้องความยุติธรรม หนังชำแหละเนื้อหาได้ตรงไปตรงมา
- สายหนังที่ชอบฟังเพลง
- สายหนังรักเพลง The Beatles
- สายหนังรักโรแมนติกคอเมดี้
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ชอบการหยิบประเด็นที่ไฟดับ 12 วินาทีแล้วลบข้อมูลบางสิ่งบางอย่างหายไปจากสารบบคือมันดูไม่เข้าท่าสำหรับใครบ้างคน แต่เรารู้สึกว่า แดนนี่ บอยด์ ใช้เป็นการสร้างพระเอก แจ็ค มาลิค ได้สานฝันตัวเองในการเป็นร็อคสตาร์ที่มีคนรู้สึก แม้ว่าจะสวมรอยหยิบเพลงของเดอะ บีทเทิลมาใช้ การเล่าเรื่องอาจจะธรรมดาไปบ้าง แต่เมื่อมันมีความโรแมนติกผสมผสานลงไป มันเลยทำให้ผู้เขียนรู้สึกไม่น่าเบื่อเลย หนังหยิบเพลงเพราะๆของ เดอะ บีทเทิล มาบรรเลงได้เพราะ ประยุกต์เข้ากับเนื้อหาปัจจุบันได้ลงตัว ไม่มีความรู้สึกเบื่อสักนิด แถมหลายๆประเด็นของ 4 เต่าทอง ทีมงานก็ฉลาดพอที่จะทำให่ไม่มีข้อมูลยอดวงจากเมืองลิเวอร์พูล จริงๆ ทั้งการค้นหาในเว็ปไซต์ google , ข้อมูลจริงๆที่เกิดขึ้นที่เมืองลิเวอร์พูล ทั้งชื่อสนามบินที่ถูกปรับเปลี่ยนในตอนถ่ายทำ สถานที่ที่เดอะ บีทเทิล เคยไปแสดงจนแจ้งเกิด
หนังยังสะท้อนความคิดของตัวละคร พระเอก เขาโด่งดังจากการโกหก แต่ก็มีความรู้สึกนึกคิด เมื่อดังมีชื่อเสียง โดยที่ไม่ได้มาจากความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง เลยทำให้เขาค้นพบว่าตัวเองกลับไม่มีความสุขเลย และโหยหาชีวิตแบบธรรมดา มันทำให้คนเรารู้ว่า ความสุขความรู้สึกดี แท้จริงแล้วมีเงินมากมายก็ซื้อไปไม่ได้ จุดนี้หนังเล่าได้น่ารักมาก และมุกตลกขบขันของนักแสดงพิเศษอย่าง ส่วนคุณพี่เอ็ด เชอแรน ที่มาเล่นเป็นตัวเองในหนังเรื่องนี้ บอกได้คำเดียวว่าเป็นส่วนสมทบพระเอกได้ดีเลยละ ในการโผล่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งทำให้ พ่อแจ็ค มาลิค ได้มาใช้ชีวิตเป็นนักร้องในแบบที่ฝัน ภาพรวมคือเชอแรน เล่นในกลมกลืนกับหนังเรื่่องนี้มากอาจเป็นเพราะเป็นตัวเองนี่แหละ
ฟากฮิเมช พาเทล พ่อหนุ่มหน้ามนพระเอกผู้นำพาเพลงของเดอะ บีทเทิลให้ผู้คนทั้งโลกได้รู้จักในช่วงเวลาที่ข้อมูลวงนี้หายไป ผู้เขียนชอบความใส่ซื่อของบทนำตัวนี้ ดูรู้เลยว่าเป็นการแสดงที่ออกมาจากตัวตนของ พาเทล ทั้งการร้องเพลงและดีดกีตาร์ โอเคละ อาจไม่ได้เท่ห์เหมือนเอ็ด เชอแรน หรือร็อคสตาร์จากเกาะอังกฤษ แต่มันทำให้รู้ว่า การสานฝันด้วยความสุขตัวเองนี่เป็นสิ่งที่น่าอิจฉา ภาพรวมผู้เขียนคิดว่าพี่แกสอบผ่านกับการเล่นหนังใหญ่เต็มตัวในบทนำ ลีลี่ เจมส์ สาวคู่ใจที่เข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มให้พระเอก ในบทบาทเอลลี่ แอปเปิ้ลตัน ครูสอนคณิตศาสตร์ ที่สวยสง่าในทุกๆการแต่งกายในภาพยนตร์เรื่องนี้ ในแง่ของการแสดงไม่ติดใจอะไรเพราะเคมีดูลงตัวกับ ฮิเมช พาเทล ทำให้ซีนโรแมนติกของหนังที่ทั้งคู่เล่นร่วมกันไหลลื่น
.
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เดิมทีบทหนังจะเซ็ตโลเคชั่นให้เป็นยุค 1960 และ 1970 เพื่อให้อยู่ในยุค The Beatles จริง
- Chris Martin นักร้องนำ Coldplay คือคนที่ Danny Boyle ผู้กำกับอยากให้มาแสดงในหนัง แต่โดนปฏิเสธ จึงได้คว้าตัว Ed Sheeran
- ไอเดีย John Lennon กลายไปเป็นชาวประมงได้ไอเดียมาจากการที่ทีมงานเห็นมุกหายตัวไปจากตัวละครใน Harry Potter