The Truman Show (1998)
ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมน โชว์
คะแนน
โกดังหนัง
เสียดสีโลกของรายการเรียลลิตี้ได้อย่างเจ็บแสบ แถมยังตั้งคำถามถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ควบคู่กับความบันเทิงเต็มเปี่ยม
คำคมจากภาพยนตร์
“In case I don’t see you, good afternoon, good evening, and good night.” “ถ้าผมไมไ่ด้เจอคุณอีก ก็สวัสดีตอนกลางวัน ตอนเย็น และตอนกลางคืนไปเลยละกัน”
เรื่องย่อ
ทรูแมน เบอร์แบงค์ ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ อันแสนสงบมาตั้งแต่เกิด จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้ประสบกับเหตุการณ์แปลกๆ ทั้งกล้องที่ตกลงมาจากฟ้า รวมถึงคลื่นแทรกประหลาดในรถที่เสมือนรายงานกิจวัตรประจำวันของเขา โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า จริงๆ แล้วตัวเองเป็นตัวละครในรายการ Reality ที่ถูกถ่ายทอดสดผ่านรายการทีวีที่มีผู้ชมทั่วโลกที่คอยติดตามชีวิตของเขาอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่วันที่เขาเกิด และโลกทั้งหมดของเขาก็เป็นเพียงแค่การจัดฉากละครขนาดใหญ่เท่านั้น
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Truman Show นั้น เหมาะกับคนที่กำลังมองหาหนังพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ เพราะในช่วงที่ผ่านก็มักจะมีแต่สไตล์เรียลลิตี้การฆ่ากันไปมาเป็นส่วนมาก แต่หนังที่จะเป็นเรียลลิตี้ในแบบดราม่ายังแทบไม่มีเลย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็สร้างความเป็น Original ของตัวเองได้เป็นอย่างดีในแบบที่ไม่มีใครทำซ้ำ แถมหนังยังเสียดสีวงการเรียลลิตี้ได้อย่างสนุกสนาน พร้อมกับการแสดงที่ดีงามของ Jim Carrey แล้วทำให้ใครที่อยากเห็น Jim Carrey ในบทเข้มๆ แบบนี้ หรือหนังดีๆ ของเขา เหมือนอย่าง Eternal Sunshine of the Spotless Mind แล้ว ก็มักจะนึกถึงหนังเรื่องนี้ควบคู่กันไปด้วยเสมอ
- สายหนังพล็อตล้ำ
- สายหนังชิงรางวัลดูง่าย
- สายหนังดราม่าเรียลลิตี้
รีวิว / สรุปเนื้อหา
อีกหนังที่มีพล็อตเรื่องชวนเหวอที่น่าสนใจมาก เพราะเมื่อลองคิดดูว่าเมื่อชีวิตของคนๆ หนึ่งที่เติบโตขึ้นมา ค่อยมารู้ความจริงที่หลังว่ามันเป็นแค่รายการเรียลลิตี้ ที่ทุกอย่างในชีวิตล้วนแล้วแต่เป็นความ “ปลอม” ทั้งหมด ทั้งเมืองที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิด ผู้คนรอบตัวที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ เพื่อน หรือแม้แต่ภรรยา ก็ล้วนแต่เป็นนักแสดงประกอบฉากใหญ่ในโลกใบในนี้เท่านั้น ยกเว้นแค่ตัวเขาเองที่เป็นความจริง และแสดงออกทุกอย่างตามความรู้สึกของเขาจริงๆ เพียงเพื่อเป็นความบันเทิงให้กับคนในโลกภายนอกเท่านั้น
ทรูแมน จึงนับว่าเป็นอีกตัวละครบนโลกภาพยนตร์ที่น่าสงสารอย่างจับใจ ที่กลายเป็นเพียงเหยื่อของความบันเทิงมาตั้งแต่เกิดให้ผู้คนได้สนุกสนานไม่กับชีวิตของเขา โดยที่เขาเองกลับต้องอยู่ในโลกปลอมๆ แห่งนี้มาโดยตลอด ทำให้แม้ว่าหน้าหนังจะแปะไว้ด้วยการขายดาวตลกอย่าง Jim Carrey แต่เมื่อดูไปแล้วมันกลับกลายเป็นหนังดราม่าที่เสียดสีสังคมได้อย่างเจ็บแสบ ในการจิกกัดวงการของรายการเรียลลิตี้โขว์ทั้งหลาย ที่ทำให้คนเรามาสนุกกับชีวิตคนอื่น จนมองคนในนั้นเป็นแค่ตัวแสดง และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ลงไปด้วย
ส่วนนึงเป็นเพราะเราจะเห็นได้ว่า การดำเนินชีวิตของทรูแมนในเรื่องนั้น นอกจากจะอยู่ในโลกปลอมๆ แล้ว มันกลับยังมีสคริปท์จากเบื้องบนมาเป็นตัวกำหนดครอบชีวิตของเขาอีกที ในการกำหนดทิศทางต่างๆ ในการตัดสินใจ และหลายต่อหลายครั้งที่เขาเลือกอะไรไม่ได้เพราะถูกข้างบนกำหนดมา เพียงเพราะต้องการสร้างสถานการณ์ที่เพิ่มเรตติ้งได้มากขึ้น หนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นสุดยอดหนังดีๆ อีกเรื่องที่ทำบทภาพยนตร์ออกมาได้เฉียบแหลม รวมถึงการดำเนินเรื่องก็ยังสนุกบันเทิงชวนคิดตามไปได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- บทตั้งต้นตอนแรกจะให้ Truman อยู่ในเมืองที่สร้างมาใหม่เลยอย่าง New York แต่ผู้กำกับอย่าง Peter Weir ก็ตัดสินใจเปลี่ยนให้เป็นเมืองที่เล็กลง เพื่อลดความรู้สึกความเป็น Sci-fi ของหนังลงมา ซึ่งมันก็ได้ผลดีมากๆ เพราะดูน่าเชื่อถือเหลือเกิน
- Jim Carrey เคยบอกว่าการที่เขาถูกจับตามองโดยบรรดาแฟนๆ และปาปารัซซี่ มาโดยตลอดจนเข้าไม่เหลือความเป็นส่วนตัวนั้น ทำให้เขาเข้าใจสภาพของตัวละคร Truman ที่เขาแสดงมากๆ
- นักวิจารณ์ชื่อดังอย่าง Gene Siskel และ Roger Ebert ถึงกับรีวิวหนังเรื่องนี้ในรายการตัวเองเป็นอย่างดีในระดับต้องยกนิ้วทั้งสองมือ อีกทั้งยังกล่าขอโทษ Jim Carrey ที่เคยกล่าวถึงเขาเอาไว้ว่าอาชีพเขาคงไปไม่รอดแน่ๆ จากการที่ได้ดู Ace Ventura: Pet Detective ทั้งๆ ที่หนังเรื่องนี้แหละที่ทำให้ผู้กำกับ Peter Weir เลือกเขามาจากการได้ดูหนังเรื่องนี้นั่นเอง