The Possible (2006)
เก๋า เก๋า
คะแนน
โกดังหนัง
หนังไทยไอเดีบเจ๋งใช้ความเก่ามาทำให้เก๋า
แถมยังให้ความรู้สึกสนุกแบบอารมณ์มิวสิคัล
เราได้ฟังเพลงที่เพราะๆ มีมุกตลกให้เราได้ขำ
คำคมจากภาพยนตร์
"ความฮิตของนักดนตรีถ้ารักษาได้....เขาเรียกว่าเก๋าแต่ถ้ารักษาไม่ได้....ก็ต้องเหงา"
เรื่องย่อ
วงดนตรีชื่อดังในยุคปี2512 ชื่ the possible มีนักร้องนำคือพี่ต้อย และสมาชิกอีก 5 ชีวิตที่ใช้ชีวิตลุ่มลงไปกับชื่อเสียงที่โด่งดังคับฟ้า จนมีอยู่วันนึงทั้งวงทะลุมิติข้ามมายังอนาคตในปี2549 ที่ที่พวกเขาเป็นวงเก่าและถูกลืมไม่มีใครรู้จัก
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ เก๋า เก๋า เป็นหนังไทยที่ความคิดสร้างสรรค์เริ่ดมาก เนื้อหาเอาดนตรียุคเก่ามาผสมผสานกับโลกสมัยใหม่ได้พอเหมาะพอเจาะ หนังเลยมีความกลมกล่อม ตัวละครที่คิดว่าตัวเองดังพอไปเจอสังคมยุคใหม่พวกเขาได้เข้าใจสัจธรรมชีวิตแล้วว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนวันเวลาเปลี่ยนแปลงได้หมด แถมคนดูจะได้ฟังเพลงเพราะๆมุกตลกที่มาเรียกเสียงฮา คนเส้นตื่นน่าจะอินกับหนังเรื่องนี้มากแน่ เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ดีมากและถูกประเมินค่าต่ำเกินไป
- สายหนังชอบฟังเพลง
- สายหนังสไตล์ GDH
- สายหนัง Feel Good
รีวิว / สรุปเนื้อหา
“ไอ้บ้า ไอ้บี้ ไอ้โบ้ ไอ้เบ๊ ไอ้บ้า ไอ้บี้ ไอ้โบ้ ไอ้เบ๊ ไอ้โบ้ ไอ้บ้า” หนึ่งในแทร็คที่ถูกดัดแปลงมาจากเพลง Abanibi ศิลปินจากอิสราเอล และถูกใส่ในหนังเรื่อง The Possible เก๋า เก๋า เมื่อ 15 ปีก่อน สารภาพเลยว่าตอนแรกที่ได้ยินชอบมาก เรารู้สึกว่าหนังคงต้องดังแน่ๆ แต่ปรากฏการณ์ว่าหนังกลับไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งที่ความจริงเราไปนั่งดูแล้วรู้สึกว่าไอเดียการเล่าเรื่องไม่ได้แย่เลยสักนิด การหยิบวงดนตรีย้อนยุคในช่วง 60 แนวสตริงคอมโบ้ที่สมัยนั้นมักจะหยิบเพลงจากวงสากลชื่อดังมาดัดแปลงเขียนเนื้อร้องเพลงไทย โดยยังคงอ้างอิงทำนองเอาไว้ ซึ่งได้รับความนิยมจากวัยรุ่นและสถานบันเทิงเป็นอย่างมาก โดย “บอล” วิทยา ทองอยู่ยง ผู้กำกับน้องพี่ที่รัก จึงจับมามาผสมผสานให้คลุกเคล้ากับบรรยากาศยุคใหม่ที่โลกเต็มไปด้วยความนิยมแผ่นผีซีดีเถื่อนและหนังโป็ที่ระบาดในเจเนเรชั่นก่อน
เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ดีมากและถูกประเมินค่าต่ำเกินไปนะ เนื่องจากเราเองรู้สึกว่าไม่ค่อยเห็นค่าย GTH หรือ GDH เอามุกเรื่องการข้ามเวลามาใช้เป็นตัวนำเรื่อง แต่เรื่องนี้พี่บอล แกพลิกแพลงเอามาทำให้หนังดูสนุกและฮา ใช้ความเก่ามาเล่าให้ดูเก๋าให้เข้ากับบริบทช่วงปี 2549 ใครจะไปคิดละว่าไมโครโฟนรูปร่างเหมือนของเด็กเล่นที่แฟนเพลงส่งมาให้จนทำให้วงดนตรีอย่างThe Possible ไปโลกอนาคตได้ หนังมีความเป็นคอเมดี้กึ่งๆมิวสิคัลที่ทำให้เราได้ฟังเพลงสากลดังยุคก่อนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ที่นำมาดัดแปลงมาเป็นเนื้อไทย ที่ฟังแล้วลื่นหูไพเราะเข้าหูเด็กสตรีและคนชรา การสร้างสรรค์เรื่องราวค่อนข้างดีตรงที่ว่าเราได้คนแสดงที่เป็นนักดนตรีจริงๆมาเล่นทำให้เนื้อหาเมื่อดูแล้วค่อนข้างเป็นธรรมชาติ อย่างเช่น โจอี้ บอย, โป้ โยคีเพลย์บอย, สอง Paradox ที่มาร่วมแสดงและเล่นจริงๆ โดยที่รู้สึกว่าเพลงและตัวหนังออกมาดีมาก ที่ประทับใจมุมมองเราคือดวงใจยังมีรัก ที่นำทำนองมาจากเพลง Bad Time ของ Grand Funk Railroad และเพลงเก๋า ที่ดัดแปลงมาจากเพลง เหงา ของ Peacemaker
นอกจากเพลงที่เรียบเรียงมาใหม่ หนังก็มีใส่มุกตลกสุดเกรียนเอาไว้เพียบ มือคีย์บอร์ดคือตัวฮา ขยันยิงมุกได้ตลอดเวลาฝืดไม่ฝืดพี่แกเล่นหมดจะ 5 บาท 10 บาทก็เอาให้หมด ชอบตอนต๋อยต่อยต้อย ที่ผันวรรณยุกต์ตามแล้วอดขำไม่ได้ ซีนนี้ฮาจริงแถมยังได้วง The Impossible ที่นำโดยอาต้อย เศรษฐา มาร่วมแสดงคือเรารู้สึกว่าหนังสร้างซีนนี้ได้น่าประทับใจ เนื่องจากทำให้อีโก้ของวงนี้ลดลงไปด้วย ส่วนประเด็นอื่นเราขอชื่นชมเรื่องคอสตูมพาร์ทอดีตที่เก็บรายละเอียด เสื้อผ้าการแต่งกายตัวละคร โลเคชั่นทำให้รู้สึกว่าใกล้เคียงกับความเป็นจริง เหมือนเป็นการกลับไปซึมซับบรรยากาศในอดีต สถานที่ที่มอบความสุขคือโรงหนังสำหรับคนยุคเก่า สามารถจัดได้ทั้งแสดงคอนเสิร์ต, แสดงละครเวทีหรือฉายหนัง
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี และ เมษ-ธราธร เคยไปเป็นตัวประกอบในฐานะแฟนเพลงวง The Possible
- กลุ่ม 365ฟิลม์ ได้มาเล่นเป็น The Impossible ในวัยหนุ่มแบบครบทีม
- ตัวละครอู๋ วีดีโอ ที่รับบทโดย อาเกรียง-เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง นั่นได้แรงบันดาลใจมาจาก อู๋ม่งต๊ะ นักแสดงตลกคู่หูโจวซิงฉือ