The Help (2011)

คุณนายตัวดี สาวใช้ตัวดำ

The Help Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังสะท้อนแบบการเหยียดสีผิว และการแบ่งชนชั้นของอเมริกันชนยุค 60s ที่มีครบรสทั้งสุข เศร้า เหงา ทุกข์ กับวิถีแม่บ้านของพวกเธอใรสมัยนั้น

หมวดหมู่ : Drama
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Tate Taylor
ความยาว : 2 ชั่วโมง 26 นาที
นักแสดงนำ : Emma Stone, Viola Davis, Octavia Spencer

คำคมจากภาพยนตร์

“You is kind. You is smart. You is important”
“คุณเป็นคนจิตใจดี คุณเป็นคนฉลาด คุณเป็นคนที่สำคัญ”

เรื่องย่อ

ในปี 1960 ในประเทศอเมริกาอยู่ในช่วงที่คนผิวสีโดยส่วนมาก ยังต้องอาศัยอยู่ในฐานะคนใช้ ให้กับบรรดาคนผิวขาว ซึ่ง สกีเตอร์ นักเขียนไฟแรงวัย 23 ปี ก็เป็นสาวผิวขาวอีกคนในเมืองที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ ก็ได้ทำการสัมภาษณ์ เพื่อนำมาเขียนป็นเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และมุมมองของคนรับใช้ผิวสีเหล่านี้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับพวกเธอ ให้ได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมกว่านี้ โดยมี ไอบีลีน และ มินนี่ เป็นสองตัวละครจากสองบ้าน ที่ให้ข้อมูลกับเธอในหลากหลายมุมมองได้เป็นอย่างดี

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Help จะเหมาะกับคนที่ชอบหนังสไตล์ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมของคนผิวสี ที่เป็นกระแสมาโดยตลอด รวมถึงคนที่อยากเห็นประวัติศาสตร์ของคนอเมริกันในยุค 60s กับสิ่งที่คนผิวขาวปฏิบัติต่อคนผิวสีมาโดยตลอด แม้ว่าจะมีดราม่าตามมาอยู่ แต่ส่วนตัวก็มองว่าหนังทำหน้าที่ของมันได้อย่างครบถ้วน ทั้งในแง่ความบันเทิงและในแง่คิดที่ได้รับกลับมา เหมาะกับที่ไม่ได้ชอบหนังเรื่องการเหยียดผิว บนโทนเรื่องที่ชวนเครียดหรือหนักหนาปวดหัวนัก ด้วยอารมณ์ขัน และหลากหลายอารมณ์ ก็ทำให้มันดูย่อยง่ายกว่าหนังสายรางวัลเรื่องอื่นๆ ในแนวเดียวกัน ดังนั้นใครที่ชอบหนังแบบ Hidden Figures หรือ Green Book ที่พูดถึงประเด็นเดียวกัน แต่ไม่หนักมาก ก็ลองหาชมกันได้เลย

  • สายหนังประเด็นผิวสี
  • สายหนังเหยียดผิวย้อนยุค
  • สายหนังชิงรางวัล

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังดัดแปลงมาจากนิยายของ Kathryn Stockett ในปี 2009 ที่มีเนื้อหาของเรื่องในการเรียกร้องสิทธิและความเป็นทำให้กับคนผิวสี หรือเจาะจงลงไปอีกก็คือผู้หญฺิงผิวสี ที่เปรียบเสมือนเป็นชนชั้นล่างสุดของสังคม ที่โดนเอารัดเอาเปรียบ และได้รับการปฏิบัติแบบไร้ศักดิ์ศรีมาโดยตลอด แต่แม้ว่าจะฟังดูเหมือนเป็นหนังที่เน้นไปที่การเหยียดสีผิวที่ดูเข้มข้นเป็นหลัก แต่หนังก็ไม่ได้มีโทนที่ชวนเศร้าหดหู่สักเท่าไรนัก ในทางกลับกันมันกลับมีหลากหลายอารมณ์ที่สร้างความกลมกล่อมให้กับหนังได้มากเลยทีเดียว

ในส่วนโทนของเรื่องไม่ต่างอะไรกับสีหนังเหลืองสดใสบนหน้าปกหน้ง เพราะในบางช่วงของหนังก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ชวนหัวเราะได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะพวกแนวคิดที่ประชดประชัน จิกกัดคนผิวขาวต่างๆ ไปจนถึงวีรกรรมการแก้แค้นเจ้านายของพวกเธอในช่วงหลังๆ ที่ทำออกมาได้เด็ดดวงเหลือเกิน ในขณะเดียวบนโทนความฮา หนังก็ยังสอดแทรกวิถีชีวิตของคนผิวสีในขณะนั้นออกมาได้อย่างชวนหดหู่ และน่าเศร้ากับความลำบากที่พวกเธอต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ที่รับงานเป็นคนใช้ก็หนักหนาพอแล้ว ยังต้องโดนดูถูกเหยียดหยามต่างๆ เสมือนพวกเธอไม่ใช่มนุษย์เหมือนกัน ด้วยความไม่ธรรมที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดทั้งเรื่องก็ทำให้คนดูต่างก็เห็นใจตัวละครแต่ละคนในเรื่องราวเหล่านี้

แม้ว่าตัวหนังจะได้รับการชื่นชมในช่วงที่มันออกฉาย แถมได้รางวัลออสการ์สาขาดาราสมทบหญิงจาก Octavia Spencer มาประดับหนัง แต่ตัวนักแสดงอย่าง Viola Davis ที่ได้เข้าชิงออสการ์สาขานำหญิงในเรื่อง ก็กลับออกมาพูดถึงหนังเรื่องนี้ในภายหลังว่า เป็นบทบาทที่เธอเสียใจที่สุดที่รับเล่น เพราะหนังมันไม่ได้เรียกร้องความเท่าเทียมให้กับคนผิวสีได้มากเท่าที่ควร แต่ในมุมส่วนตัวก็รู้สึกว่า เราเข้าใจแก่นสาร และแมสเสจที่หนังต้องการจะสื่อมาอย่างดี รวมถึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจบรรดาคนผิวสีที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เหล่านี้ในชีวิต ด้วยโทนหนังที่ไม่หนักมากนัก ก็ทำให้เราสามารถสนุกไปกับประเด็นของหนังได้ทั้งเรื่องโดยไม่ต้องฟูมฟายได้เหมือนกัน

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • กว่าจะมาเป็นนิยายที่ขายทุกวันนี้ได้ Kathryn Stockett ผู้เขียนก็ได้ออกมาบอกว่าผลงานของเธอ ถูกปฏิเสธกว่า 60 ครั้ง ก่อนที่จะได้ตีพิมพ์ และมันก็ได้ขายดีติด New York Time Best-Seller ในเวลาถึง 103 สัปดาห์ โดยขึ้นไปถึงอันดับ 1 ถึง 6 สัปดาห์เลยทีเดียว
  • นักร้องดังอย่าง Katy Perry เกือบได้มีบทเล็กๆ ในหนังเรื่องนี้แล้ว แต่ตารางดันไปชนกับการออกอัลบั้ม .”Teenage Dream” ของเธอพอดี