The Game (1997)

เกมตาย…ต้องไม่ตาย

The Game Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังดีที่ไม่ค่อยดังอีกเรื่องของผู้กำกับ David Fincher
ที่คราวนี้มาพร้อมบทที่น่าสนใจ ชวนติดตาม พร้อมกับตอนจบที่ไม่มีวันลืม

หมวดหมู่ : Drama Mystery Thriller
สัญชาติ : American
กำกับโดย : David Fincher
ความยาว : 2 ชั่วโมง 9 นาที
นักแสดงนำ : Michael Douglas, Deborah Kara Unger, Sean Penn

คำคมจากภาพยนตร์

“They just fuck you and they fuck you and they fuck you, and then just when you think it's all over, that's when the real fucking starts!”
“พวกมันเพิ่งล่อนาย และพวกมันก็ล่อนาย และพวกมันก็ล่อนาย แล้วพอนายคิดว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง นั่นแหละคือสิ่งที่แม่งเพิ่งจะเริ่ม”

เรื่องย่อ

นิโคลัส แวน ออร์ตัน มหาเศรษฐี ที่บ้างานและไม่ใช้ชีวิตแบบผ่อนคลายลงบ้าง น้องชายของเขาจึงจัดของขวัญสุดพิเศษให้ ในการเข้าร่วมเล่นเกมกับบริษัท CRS ทำให้เขาลองตัดสินใจเข้าร่วมดู แต่เมื่อทำการทดสอบต่างๆ แล้วก็ปรากฏว่าเขาไม่ผ่าน การทดสอบจนไม่ได้เข้าร่วม แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป เขากลับพบว่ามีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้นในชีวิต และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขนาดต้องเสี่ยงตาย เลยทำให้เขาจึงต้องสืบหาความจริง ว่าเกมนี้มันคืออะไร และเข้าจะจบมันลงได้อย่างไร

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Game นั้น จะเหมาะกับคนที่ชอบหนังสืบสวนในโทนของ David Fincher มากๆ นั่นก็คือ การที่ค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวออกมาทีละนิด จนทำไปสู่ไคลแม็กซ์สุดท้ายที่น่าจดจำในแบบที่ไม่ทันตั้งตัว ด้วยความค่อยเป็นค่อยไปของมันก็อาจทำให้คนที่คาดหวังที่จะมาดูสายระทึก และใหม่อะไรตื่นเต้นตลอดเวลานั้น ก็อาจจะรู้สึกไม่โอเคกับมันได้ แต่ใครที่โอเคกับการที่ค่อยๆ เก็บข้อมูลไปพร้อมๆ กับตัวละคร ตามฉบับหนังสืบสวนเหมือนอย่าง The Shutter Island, Seven อะไรพวกนี้แล้ว นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่รับรองว่าจำตอนจบได้ไม่มีวันลืมได้เหมือนกัน

  • สายหนังสืบสวนไขปริศนา
  • สายหนังสืบสวนเล่นเกม
  • สายหนังระทึกขวัญพล็อตเจ๋ง

รีวิว / สรุปเนื้อหา

อีกหนึ่งหนังดีที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้กำกับสายเนี้ยบอย่าง David Fincher ที่คราวนี้มากับพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ ว่าด้วยชายคนหนึ่งที่ถูกดึงให้เขาไปพัวพันกับเกมปริศนา ที่ดูเหมือนว่ามันจะเล่นเขาถึงชีวิต แต่ถึงแม้ว่าพล็อตเรื่องจะมาในรูปแบบนี้ แต่จังหวะของหนังก็ไม่ได้เร่งรัดให้มีความลุ้นระทึกตลอดเวลาอะไรแบบนั้น แต่กลับกันมันดันเน้นไปในโทนสืบสวนแบบค่อยเป็นค่อยไป และสร้างความอยากรู้อยากเห็นว่าจะเป็นอย่างไรต่อ ตามแนวถนัดของผู้กำกับมากกว่า เลยทำให้คนดูจึงต้องค่อยๆ เก็บข้อมูลตามรายทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปชวนเซอร์ไพร์ซของหนัง

ทั้งนี้ในระหว่างการดำเนินเรื่องนั้น หนังก็ค่อยๆ โยนทั้งเบาะแสจริง และเบาะแสหลอกเข้ามาอย่างไม่หยุด และทำให้คนดูนั้นตกอยู่ในสภาพเดียวตัวละคร นิโคลัส ที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะสามารถเชื่อถือตัวละครไหนได้บ้าง และไม่สามารถแยกออกได้ว่าส่วนไหนของเรื่องที่เป็นเรื่องจริง หรือส่วนไหนที่เขาโดนเกมบังคับให้เล่นไปทั้งอย่างนั้น แม้ว่าเราจะรู้สึกในหลายครั้งว่า เราสามารถเดาเกมออก เหมือนกับที่นิโคลัสคิดว่าเขาจะเอาชนะมันได้ แต่สุดท้ายการสับขาหลอกของหนังมักก็ขึ้นในขณะที่เราไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่ดี 

นอกจากนี้ในพาร์ทดราม่าที่เสริมเข้ามาในระหว่างสืบสวน และปมเกี่ยวกับเรื่องพ่อในอดีตที่ทำให้เขาดูเป็นคนที่อมทุกข์และไม่สนุกกับอะไรทั้งนั้นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ในบทตัวละครน้องชายอย่าง Sean Penn ก็ดูเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เติมเข้ามาในหนังให้เข้าใจถึงคำว่าครอบครัวของตัวละครได้เป็นอย่างดี ทำให้โดยรวมแล้ว The Game เป็นหนังแนวปริศนาสืบสวน ที่ค่อยๆ ไต่ระดับความระทึกมากขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมๆ กับเรื่องราวที่น่าสนใจ และชวนอยากรู้อยากเห็นที่ปลายทางของเรื่องราวที่รับรองได้ว่าใครที่ดูจบจะไม่มีวันลืมมันอย่างแน่นอน

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • จริงๆ แล้ว The Game เป็นหนังที่ David Fincher ตั้งใจว่าจะสร้างก่อน Seven แต่ด้วยตอนนี้ที่คิวของ Brad Pitt ดันว่างขึ้นมาพอดี เลยต้องรีบคว้าตัวเอาไว้ และเก็บ The Game เอาไว้ก่อน
  • ในฉบับ DVD นั้น มีฉากจบอีกแบบของหนังที่ถูกถ่ายทำเเอาไว้ นั่นก็คือหลังเหตุการณ์ที่เฉลยเรื่องราวทั้งหมดแล้ว Nicholas Van Orton ก็ได้เดินออกมาจากโรงแรม ปฏิเสธแท็กซี่ที่จะมารับ และเดินจากไป