The Green Knight (2021)

ศึกโค่นอัศวินอมตะ

The Green Knight Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังที่เข้าขั้นศิลปะที่งดงามประดุจดั่งบทกวี การเล่าเรื่องมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร กลายเป็นหนังที่เข้าขั้นอาร์ต Culture ที่ต้องไปดูในโรงเท่านั้น

หมวดหมู่ : Drama Fantasy
สัญชาติ : American
กำกับโดย : David Lowery
ความยาว : 2 ชั่วโมง 10 นาที
นักแสดงนำ : Dev Patel, Alicia Vikander, Joel Edgerton

คำคมจากภาพยนตร์

“Go That Way And Your Doom Is At Hand."
เลือกทางนั้นแล้วความตายจะมาถึง

เรื่องย่อ

เซอร์กาเวน อัศวินเลือดร้อนคนใหม่หลานชายแห่งกษัตริย์อาเธอร์ ผู้เดียวที่หาญกล้าอาสารับคำท้าบั่นคอของอัศวินลึกลับผู้น่าเกรงขามอย่าง “อัศวินมรกต” แม้เขาจะต้องใช้ความตายของตัวเองเป็นเดิมพันตามสัจจะที่ให้ไว้ การเดินทางผจญภัยในดินแดนที่เต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรคต่างๆ ที่เขาจะต้องเผชิญทั้งโจร, วิญญาณอาฆาต และยักษ์ ไปยังวิหารมรกต กับบททดสอบเพื่อค้นหาตัวตน พิสูจน์เกียรติและศักดิ์ศรีแห่งอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ และเผด็จศึกสำคัญให้จงได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Green Knight เป็นหนังแนวอาร์ตแฟนตาซีเน้นความเป็นปรัชญาการมีชีวิตของอัศวินที่ต้องเผชิญหน้ากับคำสัญญา ต่อสู้กับความยากลำบาก พล็อตเรื่องจึงไม่ใช่สไตล์ที่คอหนังทั่วไปชอบหนัก เพราะว่าโทนเรื่องจะเป็นการเล่าเรื่องไม่เน้นฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ เยอะๆ แต่จะเล่าให้เห็นมุมมองว่าทำไมตัวละครถึงต้องดิ้นรนมีชีวิตรอดมีสิ่งยเย้ายวนมากมาย ใครเป็นคอหนังสายอาร์ตสายรางวัลอยากค้นหาปรัชญาชีวิต หรืออยากเสพงานภาพสวยๆนี่คือทางของคุณเลย

  • สายหนังสายรางวัล
  • สายหนังแฟนตาซี
  • สายหนังดราม่าที่เน้นอารมณ์

 

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นี่คือหนังที่ฟอร์มเล็กที่เรารอคอยในปีนี้ จากค่ายหนังไอเดีบบรรเจิด A24 ค่ายที่ทำหนังมาแต่ละครั้งไม่เคยทำให้ผิดหวัง เมื่อเรื่องราว King Arthur ถูกนำมาปรับทิศทางใหม่มันคือช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่หนังมีเสน่ห์ เซอร์กาเวน หลายชาย King Arthur กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ตัวเขาเองหาได้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่เลยสักนิด เขาคือคนที่ดูอ่อนแอแข็งนอกอ่อนในมาก เขาไม่ได้เก่งกาจเรื่องสงคราม ชีวิตไม่สนใจอะไรมาก ห่วยแตกสิ้นดี เราได้เห็นความอ่อนประสบการณ์ของตัวละครนี้ผ่านการเล่าเรื่องที่ เซอร์กาเวน ออกไปเผชิญหน้ากับโลกภายนอกที่ต้องเจอกับภัยร้ายที่ซ้อนเร้นไม่ว่าจะเป็น คนป่าหลอกหลวงปล้นชิงทรัพย์ โสเภณีกิเลศตัณหาระหว่างทางที่เขาต้องเผชิญหน้า ภูติวิญญาณ และยักษ์ อุปสรรคมากมายที่รออยู่เพียบ สิ่งเร้าอารมณ์เหล่านี้ทำลายอีโกในตัวเขาแทบทั้งสิ้น เขาแบกความคาดหวังเอาไว้ไม่ได้เลย ยิ่งเจอความจริงที่โหดร้าย เขาไร้คุณสมบัติคำว่าฮีโร่ปกป้องคน ไร้คำชี้แนะ การเป็นคนธรรมดาที่ต้องเอาตัวรอดเพื่อมีชีวิตมีลมหายใจ เพื่อมุ่งหน้าสู่วิหารมรกตไปตามคำสัญญาที่ให้ไว้โดยมีชีวิตของเขาเป็นเดิมพัน หนังไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นมันส์ๆเน้นความเร้าใจให้ผู้ชมตรงกันข้างหนังเล่าเรื่องได้ช้าๆปราณีตนุ่มนวล หนังจึงไม่มีฉากหลังไฟสงครามมาดูเอามันส์แน่นอน

ถ้าหากจะเปรียบเปรยหนังเรื่องนี้คงเป็นอารมณ์ศิลปะชั้นยอดที่เน้นการขับเคลื่อนภาพงานภาพที่ออกแบบแต่ละฉากได้งดงามในแต่ละฉากร้อยเรียงเนื้อหาได้ไหลลื่น มันดึงดูดให้แฟนหนังสามารถจดจ่อกับพล็อตเรื่องอัศวินโต๊ะกลมคนหนึ่งได้ตลอด ไม่มีความรู้สึกเบื่อ จบฉากหนึ่งเราคาดเดาไม่ได้เลยว่าผู้กำกับจะพาคนดูไปเจอกับเหตุการณ์อะไรที่รออยู่ตรงหน้า หนังดูได้แล้วใจง่ายมาก สิ่งที่งดงามของหนังเรื่องนี้ถูกซุกซ่อนเอาไว้เป็นไอเดียความคิดปรัชญาความเป็นมนุษย์ เซอร์กาเวน เจอบทบทสอบจิตใจมากมาย มันคือบททดสอบความเป็นมนุษย์ของตัวละครว่าเขาเป็นลูกผู้ชายรักษาคำพูดหรือเปล่า หนังสามารถบาลานซ์เส้นเรื่องหลักเอาไว้ได้ไม่หลุดกรอบ องค์ประกอบหนังสร้างบรรยากาศที่เป็นแนวดราม่าแฟนตาซีอยู่ตลอดเวลามีความดาร์ค งานวิชวลเอฟเฟ็คปรุงแต่งให้เห็นอุปสรรคปัญหาที่ตัวละครต้องแก้ไขไปทีละจุด โปรดักชั่นหนังซัพพอร์ตเรื่องราวได้ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม ทำให้การผจญภัยอลังการดูมีน้ำมีเนื้อ ยิ่งพอได้ดูหนังในสเกลโรงใหญ่ มีซาวด์ประกอบมิกซ์ลงไป หนังเข้าขั้น Perfect มาก เพราะทุกๆฉากร้อยเรียงมาได้ลงตัว ไม่แปลกใจที่นักวิจารณ์มากมายเทใจว่านี่คือ อัศวินโต๊ะกลมที่งดงามรสชาติแปลกใหม่ไม่จำเจ

ส่วนนักแสดงนำ Dev Patel หนุ่มมาดเซอร์ชาวบริทติชเชื้อสายอินเดีย ปรับลุคให้เป็นเป็นอัศวินถือขวานขี่ม้า กลายเป็นว่าเท่ห์มากกว่าเดิมอีก เรารู้สึกว่าเขาแสดงเป็น เซอร์กาเวน ได้ซับซ้อน เราคาดเดาบทสรุปของตัวละครนี้ไม่ได้เลยจากองค์แรกของเรื่องมาจนถึงองค์สุดท้ายของหนัง คนที่ล้มเหลวทุกอย่าง แต่เลือกจะเดิมพันเกมชะตาชีวิตเพื่อรักษาคำพูดลูกผู้ชาย แม้ว่าจะเสี่ยงต้องตาย แต่เขาก็พร้อมที่จะไปเผชิญหน้ากับอุปสรรค เราชอบซีนที่ Dev หนีตายเอาตัวรอด เพราะตัวละครนี้ไม่เคยเจอแง่มุมแบบนี้พอเจออุปสรรคมาปั่นป่วนมันเหมือนบทพิสูจน์ว่า จะลุยต่อหรือถอยหลัง สีหน้าแววตาท่าทาง ผลักดันให้ได้เห็นการแสดงที่แปลกตาจากงานเรื่องก่อนๆ แบกหนังให้น่าดูไปอีกระดับ อีกคนที่ต้องถูกพูดถึงคือ Alicia Vikander ที่มาช่วยสร้างความซับซ้อนเป็นอุปสรรคให้ Dev ในเรืองเสน่ห์ที่ดูเย้ายวนเหลือร้ายในการเป็นทั้งเลดี้ และหญิงโสเภณีที่เป็นคนรักของกาเวน แม้บุคลิกท่าทางจะต่างออกไป แต่เธอกลับเล่นออกมาได้บันเทิง สามารถสะกดผู้ชมได้อยู่หมัดในทุกซีนที่แสดงร่วมกัน ขณะที่ Joel Edgerton ท่านลอร์ด มาน้อยแต่ขโมยซีนไปเต็มๆ ปล่อยฮุคเด็ดในหนังเพียบ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • David Lowery ผู้กำกับเลือกจะหยิบยก Sir Gawain and the Green Knight มาตีความใหม่แบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
  • โลเคชั่นคลอดทั้งเรื่องใช้ประเทศไอร์แลนด์ทั้งหมด