The Florida Project (2018)

แดน (ไม่) เนรมิต

The Florida Project Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังใช้ความไร้เดียงสาของเด็กๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คราบน้ำตา มาขยี้อารมณ์คนดูได้ดี สะท้อนความเสื่อมโสมสังคมอเมริกันชนได้แบบชัดเจน

หมวดหมู่ : Drama
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Sean Baker
ความยาว : 1 ชั่วโมง 51 นาที
นักแสดงนำ : Brooklynn Prince, Willem Dafoe, Bria Vinaite

คำคมจากภาพยนตร์

"Please, You're My Best Friend, And This May Be The Only Time I'll Get To See You Again."
“ได้โปรด คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และนี่อาจเป็นครั้งเดียวที่ฉันจะได้พบคุณอีกครั้ง”

เรื่องย่อ

เหล่าเด็กๆ ที่อยู่อาศัยในฟลอริด้า ใกล้ๆ กับ วอล์ทดิสนีย์เวิลด์ ที่ช่วงปิดเทอมพวกเขาเหล่านั้นก็มาจับกลุ่มวิ่งเล่นกันตามประสาวัยกำลังซน ซึ่งมีมูนี่ย์ สาวน้อยวัยหกขวบเป็นหัวโจก ร่วมด้วย สกู๊ตตี้ และ แจนซี่ย์ พวกเด็กเหล่านี้ก็มิได้มีที่อยู่อาศัยเป็นถาวรต้องพักอาศัยอยู่ที่โมเตลและจ่ายค่าเช่าเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งโมเตลเมจิกคาสเซิลที่มูนี่ย์ กับ สกู๊ตตี้พักอาศัยอยู่กับแม่ก็มี บ๊อบ ( เดโฟ ) ผู้จัดการของโมเตลคอยดูแลทุกข์สุขแก้ปัญหา และตามเก็บค่าเช่าจากผู้เช่า ซึ่งบางครั้งฮัลลี่ คุณแม่วัยรุ่นของมูนี่ย์ก็ต้องพยายามหาเงินค่าเช่ามาจ่ายให้ทัน แต่ทว่าเนื่องจากฮัลลี่ต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวแถมยังไม่มีงานประจำเป็นหลักเป็นแหล่งทำให้เธอต้องปากกัดตีนถีบทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาเพื่อจ่ายค่าเช่าและไม่ให้กรมคุ้มครองเด็กมาเอาตัวลูกสาวไปจากเธอ ชีวิตในห้วงปิดเทอมของเด็กๆ ก็เล่นสนุกสนานซุกซนกันเรื่อยมาจนกระทั่งวันนึงพวกเด็กๆ ก็ไปเล่นซุกซนจนทำให้เกิดเรื่องขึ้นจากนั้นสถานการณ์และสิ่งต่างๆ ของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Florida Project เป็นหนังที่ตีแผ่สังคมอเมริกันชนได้แบบชัดเจน กลุ่มคนชายขอบที่ดิ้นรนเอาตัวรอดในสภาพสังคมที่เสื่อมโสม หนังเหมาะกับคนดูหนังดราม่าเน้นความจริง เพราะเรื่องราวมันโหดร้ายสะเทือนใจแล้วถูกบทบังด้วยความไร้เดียงสาของเด็กหน่อย ดูแล้วบันเทิงแต่ในเวลาเดียวกันอเมริกาก็เต็มไปด้วยพื้นที่ไม่เท่าเทียม เพราะสังคมประเทศที่เจริญแล้ว ไม่มีอะไรที่สวยหรู ถ้าเราเป็นคนภายนอกที่มองเข้าไปก็จะพบว่าทุกอย่างมันมีความเลวร้ายในแบบที่คนเราไม่รู้ก็เท่านั้นเอง คนที่ดูแล้วชอบเรื่องนี้คือต้องเป็นสายหนังที่ไม่เน้นหนังแอ็คชั่น เน้นดราม่าเข้าขั้นสูงมากๆ ถ้าจะหาความบันเทิงคงไม่มี เพราะหนังอาศัยการตีความ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ว่ากันว่านี่คือหนังจากคนชายขอบที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ซัดตรงๆถึงระบบสังคมอเมริกันได้แบบเจ็บแสบ หน้าหนังดูธรรมดา แต่กลับดูเป็นธรรมชาติ เด็กสาวคนหนึ่งโตมาแบบไม่รู้อะไรเลย พักกับแม่เช่าโมเตลเล็ก เธอสนุกสนานไปกับสิ่งรอบตัวๆ เพื่อน โดยไม่ต้องไปรับรู้เลยว่า แม่ตัวเองปากกัดตีนถีบแค่ไหน เพื่อเอาตัวรอดจากสภาพสังคมที่โคตรจะเลวร้าย มูนี่ ออกไปสำรวจโลกรอบดินแดนสีลูกกวาด, ได้กินไอศกรีม, ได้เล่นกับเพื่อน, ได้กินวาฟเฟิลราคาถูก, ได้อาบน้ำให้ตุ๊กตา นี่คือความสุขธรรมดาของเธอ แต่แม่ของเธอ ต้องหาเงินทำงานเพื่อมาเป็นค่าเช่าโรงแรมจนถึงจุดที่เธอต้องขายศักดิ์ศรีของความเป็นเธอ เพื่อแลกกับความสุขของลูกสาว แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า โลกก็ไม่ได้ต้องการให้เธอเลี้ยงดูลูกด้วยวิธีแบบนี้ตลอดไป ความเป็นเด็กน้อยของเธอทำให้ยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่โหดร้ายจากสังคมรอบข้างที่มันกดทับแม่ของเธออยู่

เด็กสาววิ่งเล่นซุกซนไปเรื่อยๆ โดยไม่มีชีวิตแบบเด็กคนอื่นๆทั่วไป ที่พ่อแม่พาไปโน่นพาไปนี่ ได้รับของขวัญ พาไปเที่ยวเล่น มีงานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีอาหารชั้นเลิศ ไม่มีจินตนาการอะไรเลย แม้ตลกร้ายที่เธอพักอยู่ที่ฟลอริด้า ใกล้ๆกับ Disneyland แต่เธอดันไม่มีเงินแม้แต่เข้าไปเที่ยว ไม่ได้มีโอกาสอะไรแบบนี้ หนังมันเล่าผ่านความโหดร้าย ที่คนมากมายบูชาสังคมอเมริกันชนนี่แหละ เสรีภาพประเทศแห่งอิสระ แต่เด็กๆอย่างมูนี่ กับแม่ไม่มีเงินมากพอจะไปในที่ที่ดีกว่าเลย พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่โดนทอดทิ้งไร้ความฝัน หนังมันขัดแย้งอย่างสุดขั่ว คนรอบข้าง DIsney ดันต้องดิ้นรนมีชีวิตรอดในแต่ละวัน แต่ผู้คนที่มาเที่ยวกลับดูชิลล์มาก บอกเลยว่ามันสิ้นหวังโคตรๆ ผู้กำกับสื่อสารอกมาได้โคตรตรง ไม่ว่าจะสังคมไหน มีความเลวร้าย อยู่ที่ว่าเราจะมองและตีความมันออกมายังไง การจัดเสียงสีโลเคชั่นมันดูธรรมดา หนังก็สามารถถ่ายทอดความเป็นไปของสังคมที่มันชายขอบมากๆ ให้ดูมีรสนิยม จนอยากไปเดินรอยตามมากจริงๆ แถม Message หนังตั้งหากที่เป็นหัวใจสำคัญหลักของเรื่องทั้งหมด

สิ่งที่น่าชื่นชมคือการไม่นำดาราเบอร์ใหญ่มาอยู่ในหนังแม้แต่คนเดียว มันเลยซื้อใจคนดูได้ คิดดูถ้ามีดาราเบอร์ใหญ่มาเล่นหนังเรื่องนี้เรียกคนดู อาจทำให้เนื้อหาอาจพังได้ Brooklynn Prince หนูน้อยมูนี่ ที่แสดงออกมาได้ไร้เดียงสา เป็นตัวแแทนของเด็กที่สนุกสนานไม่รับรู้โลกภายนอก ได้เล่นตามวัยไปอย่างเดียวก็พอ เธอทำหน้าที่แสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติ Bria Vinaite คุณแม่วัยรุ่นสาวที่เป็นตัวแทนของความไม่พร้อมมีลูกก่อนวันอันควร และต้องมาต่อสู้มีชีวิตรอดไปแบบวันๆ เพื่อลูกแบกรับปัญหามากมายขอแค่มีเงินใช้ไร้เป้าหมายไร้แบบแผนชีวิต เธอคือผู้หญิงโนเนมที่ถูกเลือกเข้ามาแบบที่ไม่มีทักษะการแสดง อินเนอร์ความเป็นธรรมชาติที่ช่วยให้หนังดีงาม ส่วนตัวประกอบอื่น ทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะทุกคนถ่ายทอดความจริงออกมาได้ดีมากๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Britney Spears เคยถูกเสนอให้มาเล่นบทแม่ แต่ผู้กำกับปฏิเสธเพราะไม่ได้อยากนำคนดังมาแสดง
  • Bria Vinaite ได้บทแม่แบบงงๆเพราะผู้กำกับไปเจอเธอใน IG และไม่มีประสบการณ์งานแสดงมาก่อน