The Fifth Element (1997)

รหัส 5 คนอึดทะลุโลก

The Fifth Element Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังแอคชั่น ไซไฟ แฟนตาซี สุดล้ำ เหนือจินตนาการในโลกอนาคต สู่เรื่องราวภารกิจกู้จักรวาลสุดมันส์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร

หมวดหมู่ : Action Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Luc Besson
ความยาว : 2 ชั่วโมง 6 นาที
นักแสดงนำ : Bruce Willis, Milla Jovovich, Gary Oldman

คำคมจากภาพยนตร์

‘Whoa, lady, I only speak two languages, English and bad English."
"โว้ว คุณผู้หญิง ฉันพูดได้แค่ 2 ภาษาเท่านั้นแหละ ภาษาอังกฤษ กับภาษาอังกฤษแบบหยาบ”

เรื่องย่อ

คอร์เบน ดัลลัส อดีตทหารสุดแกร่งที่ผันตัวเองมาเป็นคนรับจ้างขับแท็กซี่ และวันหนึ่งเขาได้พบกับ ลีลู ธาตุที่ห้าในคราบหญิงสาว ที่หลบหนีออกมาจากห้องทดลอง ด้วยความถูกใจ ทำให้ คอร์เบน จึงตัดสินใจช่วยเหลือเธอ โดยที่ไม่รู้เลยว่านี่คือภารกิจความหวังแห่งจักรวาลในมือของคนขับแท็กซี่ในมหา่นครนิวยอร์ค ศตวรรษที่ 23

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Fifth Element นั้น เหมาะสำหรับ คอหนังแอคชั่นในยุคล้ำๆ ที่ต้องการอะไรแปลกใหม่เป็นอย่างมาก ตั้งแต่พล็อตดูกาว ไปจนถึงการออกแบบตัวละคร เสื้อผ้า หน้าผม ดีไซน์อะไรต่างๆ นานา ล้วนหลุดโลก ล้ำจินตนาการซะเหลือเกิน เคมีความโรแมนซ์ของตัวละครก็เป็นอีกส่วนแปลกๆ จนเรียกได้ว่า หนังเหมาะกับคนที่เปิดหัวพร้อมรับจินตนาการแหวกแนว มากกว่าคนที่มองหาเหตุผลต่างๆ จนอาจจะมองว่าหนังเพ้อเจ้อไป ดังนั้นถ้าชอบหนังสไตล์ Valerian and the City of Thousand Planets ของผู้กำกับ ลุค เบซง แล้ว The Fifth Element ก็คือความคล้ายกันที่มาก่อนนั่นเอง

  • สายหนังไซไฟแฟนตาซี
  • สายหนังโลกอนาคตสุดล้ำ
  • สายหนังแอคชั่นล้ำอนาคต

รีวิว / สรุปเนื้อหา

อีกหนึ่งหนังแอคชั่นที่ไม่ใช่แค่ล้ำอนาคต แต่ล้ำจินตนาการกันไปแบบไกลมากๆ สำหรับ The Fifth Element ของผู้กำกับฝรั่งเศสสายบู๊อย่าง ลุค เบซง ที่เชี่ยวชาญการใส่ฉากแอคชั่นแบบจัดเต็มมากๆ และมีความขี้โม้ที่สร้างสรรค์ มันส์สะใจ ผ่านการใช้ CG ที่สวยเนียนตามากๆ ในยุคนั้น (และก็ยังดูดีในยุคนี้) รวมไปถึงการดีไซน์ตัวละคร การแต่งหน้า แต่งกายของมนุษย์ต่างดาวในเรื่อง ที่ได้ดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง ฌอง พอล โกติเยร์มารับหน้าที่ และฉากหลังล้ำๆ ก็เป็นตัวเปิดจินตนาการให้กับคนดูให้เข้าใจโลกที่แสนไซไฟ แฟนตาซีของหนังได้เป็นอย่างดี 

ด้วยภาพลักษณ์ต่างๆ ของหนังก็เลยออกมาเป็นเหมือนการ์ตูนอยู่ไม่น้อย และมีโทนที่เน้นไปทางเบาสมอง ดูตลกไปกับมุขที่ตัวละครต่างยิงใส่กัน ทั้งตัวคาแรคเตอร์ของบรูซ วิลลิสเองที่เป็นตาแก่ขี้บ่นไม่แพ้ในบท จอห์น แมคเคลนใน Die Hard เลย ในส่วนของมิล่า โจโววิช ในวัยใสนิสัยแบบเด็กๆ เองก็ทำออกมาได้น่ารักมาก พร้อมกับภาษาต่างดาวสุดประหลาด ก็ยิ่งทำให้กลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำได้ทั้งคู่ แต่เอาจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าแม้จะเป็นคู่พระ-นาง แต่เคมีของทั้งคู่ก็อาจดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร ทั้งเรื่องวัย และด้วยบทบาทแล้วเลยออกจะดูเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกๆ อยู่หน่อย

โดยรวมมันเลยออกมาเป็นหนังที่ค่อนข้างแปลก แปลกด้วยตัวรสชาติของหนังที่ดูพิลึกพิลั่นของตัวละคร เรื่องราว หรืออะไรต่างๆ ก็ตามที่ดูไม่เป็น Hollywood เหมือนกับหนังในแนวๆ นี้อย่างพวก Star Wars สักเท่าไร ซึ่งด้วยความแปลกประหลาดของมันนี่แหละ ที่ทำให้หนังยืนยงข้ามกาลเวลาจากความไม่เหมือนใคร จนหลายๆ คนก็รักมันมากๆ แต่ในขณะที่หลายคนก็ยังมองว่ามันเป็นหนังอีกเรื่องที่เพ้อเจ้อไปเรื่อยจนจบเรื่องก็เป็นได้ แต่ส่วนตัวมองว่ามันเป็นหนังคัลท์อีกเรื่องที่มีครบรส รวมถึงความกาวของเรื่อง ที่ทำให้มันมีความบ้าและน่าจดจำเป็นอย่างดี

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • บทบาทของ ลีลู นั้น มีผู้สมัครมาแคสถึงกว่า 8,000 ชีวิต โดยคัดลงมาอีกเหลือ 300 คนให้มาอ่านบทให้กับ ลุค เบซง ฟัง และเขาก็ตัดสินใจเลือก มิลลา โจโววิช ด้วยเหตุผลที่รูปร่างเป็นเอกลักษณ์ หุ่นดีเหมาะกับคนในโลกอนาคต อะไรแบบนี้ แถมสุดท้ายเขาก็ยังแต่งงานกับเธอ หลังปิดกล้องด้วย
  • ดาราดังในสมัยนั้นอย่าง บรูซ วิลลิส ถึงกับยอมลดค่าตัว และส่วนแบ่งจากกำไรของหนัง เพราะรู้สึกว่าบทหนังมันน่าสนุก จนอยากมีส่วนร่วมในการเข้ามาเล่นมากๆ