Source Code (2011)
แฝงร่างขวางนรก
คะแนน
โกดังหนัง
หนังวนลูปสืบสวนสุดมันส์ กับภารกิจตามหาคนร้ายวางระเบิดบนรถไฟ ที่พัฒนาเรื่องราวให้ไปไกลกว่านั้น ทั้งเรื่องศีลธรรม และมุมมองชีวิตที่น่าสนใจ
คำคมจากภาพยนตร์
“What would you do, if you knew you had less than a minute to live?” “คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณรู้ว่าจะเหลือเวลาไม่ถึง 1 นาทีในการมีชีวิตอยู่?”
เรื่องย่อ
กัปตัน โคลเตอร์ สตีเว่นส์ นายทหารที่พบว่าตัวเองนั้นตื่นมาในรถไฟขบวนหนึ่งที่กำลังแล่นเข้าสู่เมืองชิคาโก โดยที่ร่างนั้นไม่ใช่ร่างของตัวเขาเอง แต่กลับเป็นครูหนุ่มคนหนึ่ง เขาได้รับภารกิจที่สรุปมาสั้นๆ ว่าต้องพยายามค้นหาคนร้ายที่วางระเบิดบนรถไฟขบวนนี้ก่อนที่มันจะระเบิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป 8 นาที รถไฟขบวนนี้ก็เกิดระเบิดขึ้นมา จนทำให้เขาต้องวนกลับมาในร่างเดิมอีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสที่เกิดขึ้นวนซ้ำไปมา เพื่อตามหาว่าใครคือคนร้ายที่แท้จริงในรถไฟขบวนนี้กันแน่
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Source Code เป็นหนังอีกเรื่องที่คนชอบพล็อตเรื่องเจ๋งๆ อย่างการวนลูปของเวลาน่าจะต้องชอบ กับการเกิด ตาย วนเวียน เพื่อการสืบหาตัวคนร้ายวางระเบิดในหนังเรื่องนี้ ที่ทำได้อย่างสนุก ชวนติดตาม และยังเพิ่มน้ำหนักในประเด็นเรื่องของศีลธรรม และพาร์ทความโรแมนติกเข้าไปอยู่น้อย เลยทำให้หนังออกมากลมกล่อมเป็นอย่างมาก และเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาหนังที่ดูบันเทิง ประกอบกับการบริหารสมองที่ชวนคิดได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณชอบหนังสไตล์เทคโนโลยีล้ำโลก หรือการวนลูปแบบแล้ว แบบ Edge of Tomorrow, Dejavu แล้ว Source Code นั้นน่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
- สายหนังแอคชั่นวนลูป
- สายหนังไซไฟพล็อตล้ำ
- สายหนังวินาศกรรมก่อการร้าย
รีวิว / สรุปเนื้อหา
อีกหนึ่งหนังสายวนลูปที่ผสมผสานในส่วนของการสืบสวนเข้าจนทำออกมาได้ดูสนุก ด้วยเงื่อนไขเวลาที่จำกัดในหนังที่ระบุให้ตัวเอกนั้น มีเวลาแค่เพียง 8 นาทีเท่านั้น ในการตามหาตัวคนร้ายที่วางระเบิดในขบวนรถไฟนี้ ด้วยเวลาที่สั้นขนาดนี้ ทำให้ในการวนกลับมาใหม่แต่ละครั้งของตัวเอก จึงเสมือนเป็นการหยิบเอาจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นที่ได้มาก่อนตายแต่ละครั้ง ค่อยๆ เอามาประกอบกันเป็นรูปเป็นร่าง เพื่อไขคดีนี้ ซึ่งในการวนลูปแต่ละครั้ง มันก็พาคนดูให้ไปรับข้อมูลใหม่ได้อยู่เสมอ รวมถึงยังค่อยๆ เป็นการเปิดเผยเบื้องหลังของโครงการ Source Code ไปด้วย
แม้ว่าตัวหนังเองจะมีความเป็นไซไฟ แต่หัวใจของหนังเองกลับแสดงถึงความต่อต้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในเรื่อง ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวที่พราก สิทธิ และ เสรีภาพของมนุษย์คนนึงเอาไว้ได้อย่างแยบยล เพราะเขากลายเป็นเสมือนเครื่องมือบางอย่างที่ ถูกเอามาใช้ในการสืบหาความจริง โดยที่สูญเสียความเป็นมนุษย์ลงไปเรื่อยๆ จากการที่ไม่สามารถตัดสินใจที่จะทำอย่างอื่นได้ นอกเหนือจากการสืบ อย่างเช่น การได้หลงรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาได้เจอบนรถไฟแบบซ้ำๆ ในลูปนี้ ก็ดูจะขัดกับภารกิจที่มีเสียเหลือเกิน
ความสนุกของหนังจึงมีทั้งในส่วนของจังหวะการเดินเรื่อง ที่ทำออกมาได้ตื่นเต้น ชวนคิดดี ว่าใครคือคนร้าย แล้วตัวเอกจริงๆ เป็นใครอยู่ที่ไหน จนเรียกได้ว่าสนุกไปได้กับทั้งพล็อตหลัก และพล็อตรองของเรื่องไปได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งเทคโนโลยีในเรื่องก็ดูมีความน่าสนใจ อธิบายได้ดี จนดูจบก็แทบไม่มีข้อสงสัยหรือติดใจอะไรกับเรื่องราวมากนัก ในด้านดาราอย่าง Jake Gyllenhaal และ Michelle Monaghan ก็ดูมีเคมีที่เข้ากันดีในพาร์ทมุ้งมิ้งของทั้งคู่ที่ใส่เข้ามาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง รวมถึงการหาทางลงของหนังที่สร้างดราม่า และสะท้อนด้านมืดของเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี จนไม่แปลกใจนักที่ Source Code จะกลายเป็นหนังวนลูปที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวให้น่าจดจำอยู่ไม่น้อยเลย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ในตอนแรกมีชื่อของดาราสาวอย่าง Lindsay Lohan ในบทของนางเอกอย่าง Christina แล้ว แต่ตอนนั้นด้วยปัญหาการทำผิดกฏหมายที่เธอเผชิญอยู่ดันกระทบกับวันที่ถ่ายทำพอดี เลยได้ดาราอย่าง Michelle Monaghan มาแทนอย่างที่เราเห็นในหนัง
- หูฟังที่ Jake Gyllenhaal ใส่เอาไว้ในฉากรถไฟนั้น จะมีการเปิดเสียงเพลงจากผู้กำกับเข้าไป เพื่อสร้างให้ตัวละครเกิดความรู้สึกสับสน และประหลาดใจกับเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา