Solids by The Seashore (2023)
ทะเลของฉัน มีคลื่นเล็กน้อย ถึงปานกลาง
คะแนน
โกดังหนัง
หนังเหงาๆอารมณ์ภูธรที่นำเสนอได้โคตรมีเสน่ห์ มีความอ้างว้าง มีความเหงา มีความเจ็บปวด Message หนังแม่งโคตรคมคายแยบยล
หมวดหมู่ : | Drama |
สัญชาติ : | Thai |
กำกับโดย : | Patiparn Boontarig |
ความยาว : | 1 ชั่วโมง 34 นาที |
นักแสดงนำ : | Ilada Pitsuwan, Rawipa Srisanguan |
คำคมจากภาพยนตร์
"แปลกดีนะ บางทีทำไมการอยู่เป็นโสดบางทีถึงยากกว่ามีคู่รักแต่งงาน"
เรื่องย่อ
ชาตี หญิงสาวชาวมุสลิมที่กำลังเผชิญกับความกดดันจากครอบครัวซึ่งอยากให้แต่งงานได้พบกับ ฝน ศิลปินสาวจากเมืองกรุงผู้เดินทางลงมาที่สงขลาเพื่อมาจัดนิทรรศการศิลปะว่าด้วยเขื่อนหินกันคลื่น การเจอกันของผู้หญิงสาวที่แตกต่างในเรื่องวัฒนธรรมทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เข้าใจชีวิตที่เต็มไปด้วยความเปราะบางของอีกฝ่าย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Solids by the Seashore เป็นหนังไทยสายรางวัลที่ควรค่าแก่การดูสักครั้ง ทันทีที่ดูจบไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้ไปเทศกาลหนัง Busan หนังมีความเท่ห์ที่เล่าเรื่องผ่านตัวละครที่ผู้หญิงต่างจังหวัด แน่นอนว่าภาพของหนังมีความจริงใจ สื่อสารออกมาได้ตรงไปตรงมา เด็กสาวต่างจังหวัดที่ห่างไกลกับสภาพสังคมเมือง อยู่กับแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ แต่เวลาเดียวกันมันเต็มไปด้วยความเหงา ความเจ็บปวด ความอ้างว้าง ความสับสน ที่สำคัญประเด็นทุกอย่างที่หนังแฝงลงไปมันคมคายแยบยลสื่อสารให้เห็นถึงภาพความโหดร้ายที่ตัวละครที่ใช้ชีวิตแบบเลือกอะไรไม่ได้
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ไม่คิดเลยว่าจะได้สัมผัสหนังที่มีความเหงากลิ่นอายแบบต่างจังหวัด ดูจบแล้วรู้สึกว่าหนังมีความอ้างว้าง ผ่านตัวละครหญิงที่ไม่บ่อยหนักที่จะได้เห็นในภาพหนังไทย หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่สงขลาโตในสภาพสังคมแบบมุสลิมที่โดนพ่อแม่จับแต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้าโดยที่เธอไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่พูดอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะความเป็นลูกพ่อแม่วางแผนชีวิตไว้หมดเรียบร้อยแล้ว มันค่อยๆพูดถึงการเติบโตแวดล้อมของเด็กต่างจังหวัดโดยเฉพาะผู้หญิง ยิ่งถ้าหากไม่ได้เป็นคนมีฐานะ อิสรภาพในชีวิตอาจไม่มี การที่ออกจากรั้วในบ้านอาจกลายเป็นความสุขเพียงแค่สิ่งเดียวและหลุดพ้นจากกรอบคำว่าลูกในสายตาพ่อแม่ไปได้ การที่เธอได้พบเพื่อนผู้หญิงแปลกหน้าจากเมืองกรุง ที่ตั้งใจมาจัดงานศิลปะ น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้พบโลกใหม่พื้นที่ใหม่ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมาสงขลาทำไม หนังจึงค่อยๆเปิดมุมมองเด็กสาวต่างจังหวัดกับเมืองกรุงเทพ ที่ทัศนคติการใช้ชีวิตเหมือนอยู่กันคนละโลก ได้แลกเปลี่ยนได้สัมผัสอะไรใหม่ๆ หนังจัดวางเรื่องราวได้ดีมากๆ เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้เข้าใจหัวอกตัวละครและสิ่งที่ตัวละครหญิง 2 คนรู้สีกเชื่อมเข้าหากันคือความเหงากับสภาพสังคมที่พวกเธออยากหลีกหนีไปให้พ้นจากพื้นที่ตรงนี้
หนังทำหน้าที่เหมือนโปรโมตการท่องเที่ยวที่สงขลาไปในตัวที่พาไปดูโลเคชั่นสวยๆ ที่มีความงดงามเป็นธรรมชาติ แต่ในอีกมุมหนึ่งหนังก็ค่อยๆฉายภาพความโหดร้ายที่สิ่งปลูกสร้างใหม่ๆในจังหวัดกำลังเข้าไปทำลายความงดงามของแวดล้อมที่สวยงามแบบไม่มีชิ้นดี เขื่อนค่อยๆกัดเซราะพื้นที่ดีๆไปเรื่อยๆเพราะนายทุนนักการเมืองคิดว่าจะสร้างมาเพื่อปกป้องชายหาด แต่ที่ไหนได้มันกลายเป็นตัวบ่อนทำลายทุกอย่าง และมันกลายเป็นความเลวร้ายที่คนทั่วไปต้องแบกรับโดยที่ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไร ตัวละครหญิง 2 คนทำได้แค่เหงา เดียวดาย ยอมรับในชะตากรรม พวกเขาทำได้แค่นั่งอยู่ริมชายหาด พูดคุยชีวิต ผ่านสายตาที่ทำได้แค่เฝ้ามองดูทะเล ได้ยินเสียงคลื่นก็เท่านั้น องค์ประกอบหนังมันดีมากตรงที่การนำเสนอมันดีเหงาแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วงรุนแรง เอาง่ายๆแค่เสียงคลื่นมันกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนไปยังจิตใจตัวละคร หนังร้อยเรียงได้งานภาพ ซาวด์ประกอบออกมาได้เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นำเสนอสภาพสังคมแบบต่างจังหวัดได้เห็นภาพที่ชัดเจน เล่าเรื่องได้เข้าใจง่ายโดยที่ไม่มีอะไรที่ดูยาก ทุกฉากสื่อสารออกไปตรงประเด็นไม่มีอะไรค้างคา เรียกว่าการบ่มเพาะหนังเรื่องนี้ 6 ปีคุ้มค่ามากๆสำหรับผู้กำกับ “อิฐ” ปฏิภาณ บุณฑริก บทหนังเล่าเรื่องได้คมคายมากๆ
.
นอกจากเสียงคลื่นที่เป็นนักแสดงที่มาขับเคลื่อนเรื่องราวได้น่าประทับใจจนได้เห็นภาพความโหดร้ายสังคมแดนใต้ ตัวละครหลักหญิงสาว 2 คน เล่นออกมาได้เป็นธรรมชาติ พวกเธอขับเคลื่อนเรื่องราวจนพาผู้ชมได้สัมผัสเรื่องจริงในสังคมได้อย่างแนบเนียน เครดิตต้องยกให้กับ กอหญ้า-ไอลดา พิศสุวรรณ ที่ชีวิตจริงเป็นนักข่าวแต่มีความเข้าอกเข้าใจตัวละครเด็กสาวภูธร ต้องแบกรับความเหงาความเจ็บปวดโดนจับคลุมถุงชน ชอบสีหน้าแววตาของตัวละครชาตีมาก และเธอแม้จะไม่ใช่นักแสดงอาชีพแต่เล่นออกมาได้ดีมาก ส่วนอีกคนคือ แพร-รวิภา ศรีสงวน ที่มารับบทฝน นี่คือตัวละครหญิงที่น่าค้นหามากๆ เด็กสาวเมืองกรุงที่อยากลบบาดแผลความรักเพื่อมาตั้งต้นใหม่ที่สงขลา ในช่วงแรกเธอดูร่าเริงแต่ก็แฝงความอ่อนแอ่อ่อนไหว คุณแพรสื่อสารออกมาได้ดีเกินคาด สีหน้าแววตาที่เก็บซ้อนอารมณ์ที่ปวดร้าวเอาไว้ ที่สำคัญคือผู้กำกับดึงความเซ็กซี่ของเธอออกมาใช้ได้อย่างโคตรมีเสน่ห์ หวังว่าเธอจะได้ไปไกลในฐานะนักแสดงนะ เพราะตัวละครฝนมีความเท่ห์มากๆในเรื่องนี้ และเป็นคนที่ช่วยเปิดโลกใบใหม่ให้ ชาตี ได้เยอะมาก จนได้คิดได้ตกผลึกตัวเองได้ค้นหาสิ่งใหม่ๆที่เธอไม่เคยได้สัมผัส
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- บทหนังใช้เวลาพัฒนาอยู่นาน 6 ปี
- ไอเดียการทำหนังเกิดขึ้นจากตอนที่ผู้กำกับลงพื้นที่ไปถ่ายทำสารคดีที่สงขลา
- หนังคว้า 2 รางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ครั้งที่ 28