Burning (2018)

มือเพลิง

Burning Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

เล่าเรื่องทรงพลังมี Message ที่คมคาย ตีความออกมาได้แยบยลสะท้อนปัญหาคนหนุ่มสาวเกาหลีที่นับวันมีแต่ความเหลื่อมล้ำช่องว่างคนรวยคนจนอยู่ห่างเกินไป

หมวดหมู่ : Drama Mystery
สัญชาติ : South Korea
กำกับโดย : Lee Chang-dong
ความยาว : 2 ชั่วโมง 28 นาที
นักแสดงนำ : Jeon Jong-seo, Yoo Ah-in, Steven Yeun

คำคมจากภาพยนตร์

"ความตายมันน่ากลัวเกินไป ฉันแค่อยากหายไปให้เหมือนว่าไม่เคยมีอยู่"

เรื่องย่อ

อีจงซู ชายหนุ่มผู้ยากไร้ผู้มีอดีตอันซับซ้อนได้ไปพบกับ ชินแฮมี หญิงสาวแปลกประหลาดที่กลายเป็นว่าเธอคืออดีตเพื่อนบ้านที่เขาห่างเหินไปนาน ทั้งสองกลับมาสานสัมพันธ์เพราะหญิงสาวอยากให้ชายหนุ่มดูแลแมวที่เธอเลี้ยงไว้ระหว่างที่เธอเดินทางไปต่างประเทศ เวลาผ่านไป ชินแฮมี เดินทางกลับมาเกาหลีและร้องขอให้อีจงชูมารับ แต่ครั้งนี้เธอกลับมาพร้อมกับ เบน ชายหนุ่มลึกลับผู้ร่ำรวยที่หญิงสาวบอกว่าพบเจอระหว่างการเดินทาง เมื่อตัวละครครบ เรื่องราวของหัวใจ ด้านความหวังและด้านมืดของตัวละครสุดแสนซับซ้อนก็ได้เริ่มขึ้น

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Burning เป็นหนังดราม่าคุณภาพที่จำลองภาพความเลวร้ายในสังคมเกาหลีใต้ ประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันไว้ได้แยบยล หนังไม่ได้มาในสไตล์แบบ Parasite แต่หนังค่อยๆสำรวจทัศนคติของผู้คนที่ทะเยอทะยาน ไร้ความฝัน ยกย่องคนรวย มันคือสังคมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำดีๆนี่เอง ไม่แปลกเลยที่หนังไปได้ไกลระดับโลก เนื้อหาค่อนข้างสากลโฟกัสไปยังตัวละครไม่ได้มีความตลก แต่เน้นเสียดสีสังคมเกาหลีแบบอ้อม คนจะดูเรื่องนี้ได้ต้องอาศัยความเข้าใจและต้องตีความเพราะไม่ใช่คนทั่วไปจะดูแล้วเข้าใจ เพราะเนื้อหาเปิดพื้นที่ให้คนดูได้สงสัยและตั้งคำถามมากมาย

  • สายหนังรางวัลคุณภาพ
  • สายหนังเกาหลี
  • สายหนังดราม่าเสียดสีสังคม

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ดูครั้งแรกเมื่อ 4 ปีแล้วกับตอนนี้ความรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป สิ่งบันเทิงสื่อภาพยนตร์ของเกาหลี สะท้อนความเป็นจริงที่โหดร้ายของคนหนุ่มสาวยุคปัจจุบันได้อย่างดิบดี จากเรื่องสั้นมุราคามิ กับมาดัดแปลงเป็นหนังโทนดราม่าเกาหลีที่พล็อตเรื่องกัดจิกเสียดสีได้แบบถึงพริกถึงขิงจนต้องซูฮกให้กับผู้กำกับอีชางดง ที่นำหนังเรื่องนี้ทำให้ดูสากลโดยไม่เสียอรรถรสอะไรเลย ความเหลื่อมล้ำของเกาหลี ความเดือดร้อนของคนหนุ่มสาวดิ้นรนเพื่ออยากมีชีวิตมีสิ่งที่ดี บางคนละทิ้งความฝันบางคนโดนสังคมกลืนกินและจำยอมมันไป บางคนอยากได้รับการยอมรับ เนื้อหาหนังกลายเป็นเรื่องราวรักสามเศร้าที่สะเทือนใจและมันเจ็บจี๊ดมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าสังคมเกาหลีที่ภายนอกเติบโตมาสายตาโลกและคนที่อื่น แต่พอมาดูสภาพความเป็นจริงช่องว่างของผู้คนหนุ่มสาวๆเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ คนหนุ่มสาวที่ควรเป็นกำลังของชาติไม่ได้รับการสนใจใยดี ไม่แปลกเลยที่พวกเขากระเสือกกระสนเพื่อจะไปในที่ที่ดีกว่า หรือการไปในสังคมที่มีโอกาสได้เติบโจอย่างที่ควรจะเป็น บางครั้งความอึดความอดทนมันใช้ไม่ได้ผลกับคนทุกคน ชื่อหนังเนื้อหาหนังเองก็สอดคล้องแผดเผาไปแบบเจ็บแสบ

อัตราการว่างงานที่สูงลิ่ว ค่าครองชีพที่แพงแสนแพง หนุ่มสาววัยสร้างเนื้อสร้างตัวที่เป็นคนชนชั้นกลางและล่างโดนกดขี่เอาเปรียบเพราะความไม่แฟร์ของกฏหมายสังคม คนใหม่ๆไม่มีที่ยืนนานวันเข้าเหมือนคนใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ อีจูงซู มีฝันจะเป็นนักเขียนแต่สภาพสังคมไม่มีแต้มต่อให้เขาได้ล่าฝัน จบปริญญาตรีมีการศึกษาที่ดีแท้ๆแต่ต้องไปสมัครงานพาร์ทไทม์ และเขาล้มเหลวกับการค้นหาความจริงในชีวิต ส่วนแฮมี ก็อยากมีชีวิตที่ดีและอยากไปได้ไกลกว่าการเป็นพริตตี้ แต่งตัวเซ็กซี่ การที่เธออยากมีชีวิตที่ดีจับคนรวยในอีกกลุ่มหนึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะเธอเองอยากขยับสถานะตัวเองไปให้ไกล เพื่อลบปมในใจที่เธอเองไม่เคย การเจอคนรวยหล่อฐานะดีมันคงเป็นทางลัด มันคือความกระหาย เพื่อฝันที่อยากจะหลุดพ้นจากการเป็นคนดิ้นรนทำงานทุกวันแบบไม่มีวันหยุดไร้จุดหมายปลายทางของชีวิต หรือแม้กระทั่งเบน ตัวละครหนุ่มหล่อรวย ที่แฮมีหวังหมายปอง เธอสนใจแค่มีเงินมีหน้าตาทางสังคม แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่า ความรวยของเขามีที่มายังไง แต่เพราะว่ารวยมีเงินทุกอย่างทำให้เธอไม่สนใจขอเพียงแค่ได้จับเขาก็พอ

นอกจาก 3 บุคลิกตัวละครแตกต่างสถานะ อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการที่ตัวละครได้มาเจอกันในสถานที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างในงานเลี้ยง จูงซู ชายหนุ่มชนถูกชักชวนให้ไปงานปาร์ตี้ร่วมสังสรรค์กับเซเลปคนมีเงิน แต่ภาพที่ปรากฏออกมาคือ เขาทำได้แค่หลบอยู่ในมุมหนึ่งไม่รู้จะพูดอะไรกับใคร ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ในขณะที่คนอื่นสนุกสนานขำกันในงาน มันก็คล้ายๆภาพคนที่มาอยู่ในสังคมที่ผิดประเภท คนต่างชนชั้นกัน จนเกิดเป็นความรู้สึกแปลกแยกทำตัวไม่ถูก เพราะมันไม่ใช่ชีวิตที่เขาพบเจอมาตลอด พูดแบบแรงๆคือส่วนเกินนั้นเอง ถ้ามองดูแล้วสังคมเกาหลีก็ไม่แพ้กับอินเดีย แค่หน้าฉากมันถูกฉาบเอาไว้จนคนมองไม่เห็น หนังวางโครงเรื่องได้สลับซับซ้อน 2 ชั่วโมงเศษ หนังเล่าตัวละครหลักได้น่าสนใจ เมื่อแต่ละคนฟังเรื่องราวในกลุ่มวงเฮฮาปาร์ตี้เราเห็นได้ชัดเลยว่า คนมีเงินไม่เคยสนใจใยดีคนชนชั้นล่างอยู่ ทำเป็นเหมือนฟังแต่ก็ไม่เคยมาใส่ใจ พวกเขาพร้อมจะโอ้อวดในสิ่งที่พวกเขามี และเมินเฉยเรื่องของคนที่ไม่มีเงิน มันดูมีช่องว่างทางสังคมไปเรื่อยๆ อยู่ประเทศเดียวกันแท้ๆ แต่สถานะกลับไกลห่างกันออกไป ภาพในหนังสื่อสารออกมาได้ชัดเจนคมคายแยบยลมากๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • หนังเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม
  • หนังได้รับเสียงปรบมือจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2018 ดังกว่า 10 นาที