Serendipity (2001)
กว่าจะค้นเจอ ขอมีเธอสุดหัวใจ
คะแนน
โกดังหนัง
ต้นตำหรับผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา ร่วมลุ้นไปกับความรักที่เฉียดไปเฉียดมา ในหนังโรแมนติกท้าทายพรหมลิขิตสุดน่ารัก
คำคมจากภาพยนตร์
“You don’t have to understand. You just have to have faith. Faith in destiny.” “คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันหรอก คุณแค่ต้องมีความเชื่อ, เชื่อในโชคชะตา”
เรื่องย่อ
โจนาธาน และ ซาร่า 2 คนแปลกหน้าที่บังเอิญรู้จักกันจากการหยิบถุงมือคู่สุดท้ายในร้านค้าเพื่อนำไปให้คนรักของตัวเอง แต่ด้วยเหตุการณ์นั้น ทำให้ทั้งคู่ก็มีโมเมนท์ความรู้สึกดีๆ จากการทำความรู้จักกัน (อะ อ้าว!) พวกเขาจึงเป็นให้โชคชะตาเป็นตัวตัดสินใจกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ โดยที่ซาร่า จดเบอร์โทรศัพท์ของเธอลงในหนังสือในร้านมือสองเล่มหนึ่ง ถ้าในอนาคตโจนาธานเจอหนังสือเล่มนี้ ก็ถือว่าฟ้าลิขิต ในขณะเดียวกัน โจนาธาน ก็เขียนเบอร์ของตัวเองลงในแบงก์เช่นกัน ซึ่งหากฟ้าลิขิต ซาร่า ก็จะเจอเบอร์นี้ แล้วติดต่อกันได้เช่นกัน
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Serendipity นั้น จะเหมาะกับสายคอหนังรักโรแมนติก ประเภทเพ้อฝัน แล้วเชื่อในเรื่องโชคชะตาอยู่ไม่น้อย ด้วยการดำเนินเรื่องที่ไม่มีเหมือนหนังรักทั่วไป ที่คนสองคนพยายามจะสานสัมพันธ์กัน แต่เรื่องนี้มันดันเลือกที่จะแยกกันแล้วให้ “พรหมลิขิต” มาทำงานแทน จนทำให้โทนหนังอาจจะแปลกๆ อยู่ไม่น้อย ที่คู่พระนาง อาจจะไม่ได้เจอกันเลยตลอดทั้งเรื่อง เลยรู้สึกว่ามันจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบหนังรักสูตร แต่ชอบหนังรักลุ้นๆ แบบพวก Sleepless in Seattle, ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา ที่ฟิลลิ่งที่ได้มันจะประมาณนี้แหละ
- สายหนังโรแมนติกชวนฝัน
- สายหนังรักมีเงื่อนไข
- สายหนังรักพรหมลิขิต
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ในช่วงที่มีแต่หนังรักจีบกันสไตล์เดิมๆ ออกมามากมาย ก็มี Serendipity นี่แหละ ที่ฉีกกฏของหนังรักในหลายๆ ข้อ และพาตัวเองไปสู่ความแปลกใหม่ได้อย่างน่าสนใจ นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในการพบกันของคู่พระ-นาง ที่เรียกได้ว่าหมิ่นเหม่กับเรื่องศีลธรรมอยู่ไม่น้อย กับความบังเอิิญที่อยากได้ถุงมืออันสุดท้าย เพื่อเอาไปให้คนรักตัวเอง แต่ดันเกิดสปาร์คกันในช่วงเวลาสั้นๆ ขึ้นมาซะงั้น (ต้องอำมหิตเบอร์ไหนที่ตอนจะซื้อของให้แฟน แต่กลับปิ๊งคนอื่น 55+) นี่ก็คือส่วนแรกของหนังที่ต่างจากเรื่องอื่นอยู่มากแล้ว และทำให้จุดเปิดเรื่องต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันก็อาจตั้งกำแพงให้คนไม่อินไปกับรักครั้งนี้เลยทีเดียว
แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับเมื่อทั้งคู่นั้นตัดสินใจให้ “พรหมลิขิต” เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ จากการวางเงื่อนไขต่างๆ ว่าถ้าหากติดต่อกันได้ ก็แสดงว่าโชคชะตานั้นส่งเสริมให้พวกเขานอกใจแฟนของกันและกัน นั่นคืออีกส่วนที่หนังแตกต่างจากเรื่องอื่นจริงๆ เพราะโชคชะตามันก็ไม่ได้ทำงานง่ายดายขนาดนั้น ระหว่างทางในหนัง เราจะเจอสไตล์หนังแบบผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา ที่โชคชะตากลั่นแกล้งให้ทั้งคู่เฉียดกันไปมาให้คนดูมันเจ็บใจเล่น และร่วมลุ้นไปกับความรักของพวกเขา ซึ่งความสนุกของหนังก็อยู่ตรงที่การที่ได้เห็นตัวละครที่เหมือนจะได้เจอกัน แต่สุดท้ายก็ยังมีอุปสรรคมาขวางกั้นอยู่โดยตลอด
ด้วยความฝันหวานของมัน ก็อาจทำให้หนังมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ รวมถึงการตัดสินใจของตัวละครในตอนท้าย ก็สร้างคำถามในใจกับคนดูอยู่น้อยถึงความถูกต้องต่างนานาของการกระทำของพวกเขา แต่ทั้งนี้ด้วยคุณงามความดีในแง่ของพล็อตเรื่องที่ไม่ค่อยเหมือนใคร ประกอบกับการเดินเรื่องที่สนุกชวนลุ้นไปกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พร้อมทั้งทีมดาราพระ-นาง ในช่วงพีคๆ อย่าง John Cusack และ Kate Beckinsale ในยุคที่สวยที่สุดแล้ว มันก็เลยเป็นหนังอีกเรื่องที่ใครๆ ก็นึกถึงได้ในทันที หากพูดถึงหนังรักว่าด้วยพรหมลิขิตแล้ว
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- John Cusack และ Kate Beckinsale ใช้เวลาถ่ายทำด้วยกันแค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เพราะตามเนื้อเรื่องก็มีแค่ไม่กี่ฉากที่ได้เจอกัน
- ด้วยความที่ตึก World Trade Center ถูกผู้ก่อการร้ายทำลายไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ทำให้หนังต้องมาลบภาพตึกจากมุมสูงทุกฉากของหนังในเรื่อง