Ticket to Paradise (2022)

ตั๋วรักสู่พาราไดซ์

Ticket to Paradise Poster
7.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

เป็นหนังที่ชอบมาก พลังของนักแสดงเอาอยู่ ตัวพ่อตัวแม่ของวงการเล่นใหญ่ ปล่อยมุกฮาลั่น ถือเป็นงานรอมคอมที่ทำออกมาได้บันเทิงมากๆ ที่สำคัญยังพีอาร์การท่องเที่ยวให้บาหลีได้แบบแนบเนียนอีกตั้งหาก

หมวดหมู่ : Comedy Romantic
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Ol Parker
ความยาว : 1 ชั่วโมง 46 นาที
นักแสดงนำ : Julia Roberts, George Clooney, Kaitlyn Dever

คำคมจากภาพยนตร์

“You Learned That To Make Me Look Bad"
“เธอเรียนรู้ที่จะทำให้ฉันดูแย่

เรื่องย่อ

David และ Georgia อดีตสามีภรรยาที่แยกทางกันไปนานแล้ว เขาและเธอเจอกันทีไรก็มีเรื่องทะเลาะกันประจำ ต่างฝ่ายต่างย้ายไปใช้ชีวิตโดยไม่คิดจะกลับมายุ่งเกี่ยวกันอีกครั้ง จนกระทั่ง Lily ลูกสาวเรียนจบใหม่ได้ขอออกไปเที่ยวที่บาหลี เพื่อพักผ่อนและกลับมาทำงานทนายความ ปรากฏว่า 39 วันผ่านไปหลังจากไปเที่ยว เธอตกหลุมรักชายหนุ่มท้องถิ่นและหลงรักบาหลี จนตัดสินใจแต่งงานกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พ่อแม่เมื่อรู้ว่าลูกแต่งงานเลยจำใจจับมือวางแผนยับยั้งแผนแต่งงาน

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Ticket To Paradise เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่กำลังมองหาหนังฟีลกู้ด ที่มาในมุมมองด้านความรัก การใช้ชีวิตคู่และความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่หนังเรื่องนี้มีทุกอย่างที่มองหาเลย เพราะทั่้งพาร์ทความโรแมนติกก็ทำออกมาได้น่ารัก หรือพาร์ทดราม่าก็อบอุ่นหัวใจดี พาร์ทตลกไม่ได้เน้นความสมจริงให้มาปวดหัว  จนทำให้มันเป็นหนังรักฟีลกู้ดข้อคิดดีๆ อีกเรื่องที่จะทำให้หัวใจคนดูพองโตได้เป็นอย่างดีหลังดูจบ พร้อมกับน้ำตาแห่งความประทับใจกันได้เลยสายหนังรักฟีลกู้ด

  • สายหนังรักโรแมนติก
  • สายหนังตลก

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ถ้าจะบอกว่าหนังแอบโปรโมตการท่องเที่ยวบาหลี ก็คงไม่ผิดแปลกอะไร เพียงแต่ว่าทั้งเรื่องไปถ่ายกันที่ออสเตรเลีย และจำลองให้รู้สึกว่านี่คือบาหลี พล็อตเรื่องจริงๆก็พูดถึงประเด็นการใช้ชีวิตคู่ ที่พ่อแม่ล้มเหลวและพวกเขาก็ไม่อยากให้ลูกพบจุดจบแบบพวกเขา หนังไม่ได้ใส่ประเด็นความรักที่รวดเร็วกันระหว่างคนแปลกหน้า ประเด็นนี้ไม่ได้ถูกใส่มา เนื้อหาพูดถึงอดีตผัวเมียที่ไม่เผาผีกันกลับมาจับมือกัน เพื่อทำลายงานแต่งลูก ในแวดล้อมที่พวกเขาไม่คุ้นเคย พ่อแม่มักมีชุดความคิดที่ว่าลูกจะล้มเหลวเหมือนตัวเองอยู่เสมอ และคิดว่าคงเจริญรอยตามแบบนี้ แถมยิ่งเป็นหนุ่มขาวเกาะวัฒนธรรมที่แตกต่าง พวกเขาคิดว่ามันดูไม่ดีแน่ๆ เพราะเรียนจบแล้วจะแต่งงานเลย บรรยากาศหนังดำเนินไปแบบรวบรัดเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก คือ Feel หนัง โลเคชั่นมันเอื้ออำนวยให้ดูแล้วอิ่มเอมใจอยากไปพักผ่อนหย่อนใจที่บาหลีจริงๆ

จุดที่หนังเล่าออกมาได้ดีน่าชื่นชมคือพ่อแม่ที่แยกทางกันไปแล้วดันมาจับมือแท็กทีมจะสร้างสถานการณ์ทำลายงานแต่งลูกตัวเอง แต่ไปมาๆดันเป็นเสมือนการพูดคุยปรับความเข้าใจกันซะมากกว่า พวกเขาเข้าใจความรู้สึกของลูกตัวเองดีแล้วหรือยัง ไหนจะเป็นเรื่องวัฒนธรรมคนเอเชียที่ฝั่งตะวันตกมองว่าเป็นชนชั้นรอง หนังเองก็กล้าพูดในแง่มุมของคนเอเชียที่ถือเรื่องครอบครัวนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ก็รู้สึกดีที่หนังกล้าที่นำตัวละครผู้ชายเอเชียมาหลงรักกับหญิงสาวอเมริกันชนในเรื่องให้ความรู้สึกแปลกใหม่ จริงๆแล้วอีกจุดหนึ่งที่เรื่องราวชนให้เรารู้สึกได้เพลินๆไปตั้งแต่ต้นจนจบคือ มุกตลกจังหวะการรับส่งบทพูดคือหัวใจสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด บทพูด Julia หรือ George มาได้ถูกจังหวะมากๆ บทพูดทื่อๆไม่มีสีสัน แต่บรรยากาศของหนังเข้ากับเรื่องราวดีแหะ สามีภรรยาไม่ถูกกันเถียงกันไฟแล๊บ

การแสดงของ George Clooney และ Julia Roberts น่าจะเป็น Point หลักของหนัง ดาราเบอร์ต้นๆของวงการ เพื่อนสนิทนอกจอที่ทำให้เราหัวเราะได้ทุกครั้ง รับส่งมุกตลกบทพูดกันแบบถึงพริกถึงขิง กลายเป็นองค์ประกอบชั้นดี ฝีมือการแสดงคงไม่ต้องพูดถึง แค่ปรากฏตัวก็มีดูดีดูมีเสน่ห์แล้ว พอมารับบทเป็นคู่กัดกันเลยดูฮาเข้าไปใหญ่ แถมยังได้เห็นฉากสวีทดูโรแมนติก บรรยากาศหนังอบอวนไปด้วยความงดงาม คนรักหนังรอมคอมยุคเก่า น่าจะชอบงานชิ้นนี้ มันกลายเป็นหนังที่น่ารักเติมเต็มรอยยิ้มให้ผู้ชมเลยละ ด้านหนุ่มหล่อเอเชียน อย่าง Maxime Bouttier บุคลิกดีสาวๆน่าจะตกหลุมรักได้ไม่ยาก น่าจะกลายเป็นคนดังในอีกไม่ช้า ส่วน Kaitlyn Dever สาวน้อยที่ทำให้พ่อแม่มาขัดขวางงานแต่ง บอกเลยว่าน้องน่ารักมาก มาเติมเต็มเรื่องราวให้ดูสนุก เพราะเธอนี่แหละทำให้พ่อแม่เข้าใจกันมากขึ้น

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • หนังไม่ได้ไปถ่ายทำที่ Bali เพราะโควิด
  • ทีมงานเลือกไปถ่ายทำที่ Queensland ออสเตรเลีย
  • หนังเกือบไปลงสตรีมมิ่งอยู่แล้ว แต่เพราะบารมีของ Julia Roberts, George Clooney ทำให้หนังเลือกจะฉายโรง
  • Julia Roberts, George Clooney กลับมาเล่นหนังครั้งแรกในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ Ocean's Twelve