Prometheus (2012)

โพรมีธีอุส

Prometheus Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

อีกหนึ่งหนังตระกูลเอเลี่ยนที่พาเรากลับไปสู่จุดเริ่มต้นด้วยโทนสยองบาดลึก ระทึกได้จากบรรยากาศและตัวละครรอบตัว งานภาพเสียงดีงามสุดๆ

หมวดหมู่ : Adventure Mystery Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Ridley Scott
ความยาว : 2 ชั่วโมง 4 นาที
นักแสดงนำ : Noomi Rapace, Logan Marshall-Green, Michael Fassbender

คำคมจากภาพยนตร์

“War, poverty, cruelty, unnecessary violence. I understand human emotions, although I do not feel them myself”
“สงคราม ความยากจน ความโหดร้าย และความรุนแรง ฉันเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ แม้ว่าฉันจะไม่ได้รู้สึกแบบพวกเขาก็ตาม”

เรื่องย่อ

อลิซาเบ็ธ ชอว์ และ ชาร์ลีย์ ฮอลลีเวย์ 2 นักวิทยาศาสตร์ที่ได้พบกับภาพวาดโบราณภายในถ้ำ ที่เสมือนเป็นการชี้นำให้พวกเขาไปคุ้นหาถึงจุดกำเนิดของตัวเอง และเหล่ามวลมนุษยชาติ ว่าพวกเขามีที่มาที่อย่างไร ทั้ง 2 คนจึงรวบรวมทีมนักวิทยาศาสตร์ไปขึ้นยานที่มีชื่อว่า โพรมีธีอุส เพื่อไปยังดวงดาวปริศนาที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นคำเชิญสู่การไขปริศนาครั้งสำคัญของมนุษย์ โดยมีหุ่นแอนดรอยด์ที่ดูไม่น่าไว้วางใจอย่าง David โดยสารไปด้วย เมื่อไปถึงพวกเขาก็ต้องพบว่า ทุกอย่างมันคือจุดเริ่มต้นของความสยองที่พวกเขาไม่ได้คิดเอาไว้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Prometheus นั้น เป็นหนังที่เหมาะกับคอหนังตระกูล Alien อย่างแน่นอน ด้วยความที่มันพาเราไปสำรวจจักรวาล และเรื่องราวที่สเกลใหญ่ขึ้น รวมไปถึงจุดกำเนิดต่างๆ ที่ทำให้คอหนังคาใจมาตลอดหลายปี ก็มีการพูดถึงในหนังภาคนี้ (แม้จะยังเหลืออีกเยอะแยะมากมาย พร้อมทั้งปมใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาแทนก็เถอะ) แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่แฟนหนังชุดนี้ แต่เป็นคอหนังไซไฟก็สามารถสนุกและบันเทิงไปกับหนังได้เช่นกัน ด้วยจังหวะความน่ากลัวอันเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับงานภาพและเสียงที่ช่วยเสริมให้กับหนังเป็นอย่างดี จนทำให้แฟนๆ หนัง Alien หรือหนังต่างดาวอวกาศแบบ Life แล้ว นี่คือการกลับมาของ Alien ที่ดีที่สุดอีกครั้งในวงการภาพยนตร์เลย

  • สายหนังตะลุยอวกาศ
  • สายหนังสัตว์ประหลาดต่างดาว
  • สายหนังไซไฟต่างดาว

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ดีใจที่เห็นปู่ Ridley Scott กลับมาจับงานจากหนังชุดที่ตัวเองเป็นผู้ให้กำเนิดอีกครั้ง ตั้งแต่ Alien ในปี 1979 เป็นเรื่อยมา หนังของเขาก็ถูกเอามาสานต่อทั้งในแบบคุณภาพที่ดี รวมทั้งการถูกเอาไปปู้ยี่ปู้ยำอยู่หลายครั้ง แต่ตัวละครอย่าง Alien ก็ยังคงมีมนต์ขลังข้ามยุคข้ามสมัยมาได้อย่างไม่เสื่อมคลาย ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ใน Prometheus ก็เปรียบเสมือนเป็นปฐมบท และที่มาที่ไปของ Alien ว่ามีจุดกำเนิดมาอย่างไร อีกทั้งยังเป็นการสร้างเรื่องราวใหม่แต่หน่อเพิ่มในจักรวาลตัวเองได้อย่างน่าสนใจมากๆ

ในส่วนของ Prometheus นั้น ยังคงใช้ธีมของหนังที่เป็นแนวไซไฟ ปริศนาลึกลับ ชวนให้คนดูเข้าไปค้นหาพร้อมๆ กับตัวละครในเรื่องสู่คำถามสำคัญของมวลมนุษยชาติ ว่าเหตุใด ผู้สร้างจึงสร้างสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์ขึ้นมา แต่คำถามนี้ก็กลายเป็นเหมือนประเด็นที่ซ้อนประเด็นอีกครั้ง เมื่อในเรื่องเองก็มีตัวละครอย่าง David ที่เป็นหุ่นแอนดรอยด์ที่ถูกมนุษย์สร้างมาเหมือนกัน ทำให้มนุษย์ในเรื่องเอง ก็เปรียบเสมือนเป็นผู้สร้าง ที่พยายามตามหาผู้สร้างของตัวเองอยู่เช่นกัน มันจึงกลายเป็นคำถามที่เหมือนที่ไม่รู้จบที่ว่า หากพระเจ้าสร้างเรา แล้วใครเป็นคนสร้างพระเจ้าอีกทอดนึง มันเลยเป็นเสมือนหนังกึ่งปรัชญา กึ่งศาสนา ที่อยู่ในคราบวิทยาศาสตร์ที่ชวนขบคิดตามได้อยู่ตลอดทั้งเรื่องไปด้วย 

ซึ่งนอกจากเนื้อหาหนักๆ แล้ว หนังก็ยังคงในส่วนของความบันเทิงเอาไว้เป็นอย่างดี สำหรับการสร้างบรรยากาศที่ชวนสยองโดยที่ไม่ต้องใช้การทำลายล้างกันอย่างโฉ่งฉ่าง แต่ทุกฉากกลับเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว รวมถึงการแสดงที่น่ากลัวและชวนสยองของ Michael Fassbender ที่ทำเอาใจสั่นทุกทีที่พี่แกจะลงมือทำอะไรก็ตาม มันเลยออกมาด้วยโทนที่ใกล้เคียงกับ Alien ภาคแรกแต่มีสเกลที่ใหญ่กว่า และพาเราไปขยายจักรวาลนี้ได้มากกว่าเดิม ประกอบกับงานภาพสวยๆ และงานดนตรีชั้นดีแล้ว นี่คือหนังตระกูล Alien อีกเรื่องที่ทำออกมาได้ดีมากๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ชื่อหนังอย่าง Prometheus นั้น Ridley Scott เป็นคนตั้งเองเพราะเห็นว่ามันเหมาะสมกับธีมของหนัง ที่ว่าด้วยเรื่องของผู้สร้าง ที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง เพราะตามตำนานเทพกรีกแล้ว Prometheus เป็นไททันที่รับใช้เทพเจ้า แต่กลับลุกขึ้นมาขัดขืนอำนาจของ Zeus โดยการขโมย ไฟ ไปให้กับมนุษย์ เพื่อสร้างอารยธรรมต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งเทพเจ้า เมื่อ Zeus รู้เข้าจึงลงโทษ Prometheus อย่างโหดร้ายด้วยการจับเขาขังไว้ และให้อินทรียักษ์มาจิกตับกินในทุกวัน
  • ในตอนแรก Chalize Theron เตรียมมาแคสติ้งเพื่อรับบท Elizabeth Shaw ในเรื่อง แต่ก็ต้องปฏิเสธไปด้วยตารางงานที่ตรงกัน แต่หลังจากที่เธอไปเคลียร์งานมาจนเรียบร้อยก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะ Noomi Rapace มารับบทนี้ไปแทน ส่วน Chalize เองก็ยังได้รับบทของ Meredith Vickers ในหนังเรื่องนี้อยู่ดี