Star Trek (2009)

สงครามพิฆาตจักรวาล

Star Trek Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

เปิดปฐมบทใหม่ของตำนานการผจญภัยในอวกาศของ Star Trek
ที่ทั้งเก็บหัวใจของนักสำรวจผจญภัยเอาไว้ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี

หมวดหมู่ : Action Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : J.J. Abrams
ความยาว : 2 ชั่วโมง 7 นาที
นักแสดงนำ : Chris Pine, Zachary Quinto, Simon Pegg

คำคมจากภาพยนตร์

“Better to die saving lives than to live with taking them.”
“ยอมตายเพื่อช่วยชีวิตคนอื่น ดีกว่าอยู่เพื่อพรากชีวิตพวกเขา”

เรื่องย่อ

เจมส์ ไทบีเรียส เคิร์ก หนุ่มชาวไร่ ที่ได้มาเข้าเรียนในสถาบันสตาร์ฟลีท หน่วยแห่งการสำรวจและค้นหาแห่งกาแลคซี่ จนได้พบกับ สป็อค หนุ่มชาววัลแคนที่คนที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง จากการเติบโตมาคนละแบบและความต่างของเผ่าพันธุ์ จนทำให้ทั้งคู่นั้นกลายมาเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่แล้วทั้งคู่ได้มีโอกาสที่ได้เข้าไปเป็นลูกเรือของยาน ยูเอสเอส เอ็นเตอร์ไพร์ส ที่ล้ำยุคที่สุดขององค์กร และได้ออกผจญภัยไปกับยานลำนี้ เพื่อพิสูจน์ความเป็นผู้นำ และมิตรภาพของพวกเขา

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Star Trek ฉบับนี้นั้น คุณไม่จำเป็นต้องเป็นแฟน Star Trek มาก่อน แต่ถ้าชอบหนังแอคชั่นอวกาศที่ไม่ได้ดูลิเกมากอย่าง Star Wars แล้ว นี่คือปฐมบทของ Star Trek รอบใหม่ ที่เป็นคนละแนว แต่สร้างความบันเทิงได้อย่างเต็มเปี่ยมไม่แพ้กัน หรือส่วนตัวจริงๆ น่าจะเรียกได้ว่าดีกว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งในแง่ของบทที่แข็งแรง ความสัมพันธ์ และสีสันของตัวละครในเรื่อง ที่กลายมาเป็นทีมที่น่าเอาใจช่วย และสร้างความผูกพักกับคนดูได้มากกว่า จนทำให้ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟน Star Trek อยู่แล้วหรือไม่ แต่ถ้าชอบหนังธีมผจญภัยอวกาศ อย่างชุด Stargate หรือ Battlestar Galactica กันแล้ว ขอฝาก Star Trek เอาไว้ในอ้อมใจ

  • สายหนังผจญภัยอวกาศ
  • สายหนังแอคชั่นอวกาศ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หากวัดกันในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น Star Trek เป็นหนังอวกาศอีกเรื่อง ที่คนมักเอาไปเปรียบเทียบกับ Star Wars มาโดยเสมอ แต่โดยส่วนมากแล้ว คนที่ชอบอะไรที่เป็นแอคชั่น แฟนตาซีก็น่าจะชูป้ายไฟให้หนังอย่าง Star Wars อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความชอบนั้นก็ต้องสั่นคลอนลงไป เมื่อวันหนึ่งหนังชุด Star Trek ได้ตกมาอยู่ในมือของผู้กำกับแห่งยุคอย่าง J.J. Abrams ซึ่งในความเนิร์ดของพี่แก ก็ไม่แปลกใจนักว่าทำไมเขาถึงได้รับไม้ให้มากุมบังเหียนแฟรนไชส์ในตำนานอย่าง Star Trek ที่ทำออกมาได้ดีซะเหลือเกิน (จนได้มาจับ Star Wars เซตใหม่ด้วยในเวลาต่อมา)

เหมือนด้วยความที่ผู้กำกับเองก็พอเข้าใจว่าคนยุคใหม่ต้องการอะไรจากหนังสมัยนี้ ประกอบกับการที่เข้าใจว่าแฟนๆ หนัง Star Trek นั้นชอบหนังชุดนี้เพราะอะไร เขาเลยได้เอาความต้องการทั้งสองส่วนมาผสมกัน ให้ออกมาเป็น Star Trek สำหรับคนยุคใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งตัวพล็อตเรื่องที่ผูกกันได้สลับซับซ้อน ยิ่งการเอาพล็อตของเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ยิ่งทำให้หนังดูสนุกกันเข้าไปใหญ่ ด้วยตัวบทที่แข็งแรง ก็ทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของแต่ละตัวละครที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น รวมถึงความสัมพันธ์ของ เคิร์ก และ สป็อค นั้น ก็มีมุมมองที่น่าสนใจระหว่างความคิดสองขั้ว ของการตัดสินใจ ที่คนนึงใช้สัญชาตญาณ แต่อีกคนกลับใช้หลักของเหตุและผลจนปราศอารมณ์ แต่ก็เป็นสายสัมพันธ์และมิตรภาพดีๆ เพื่อปูไปสู่หนังในภาคต่อไปได้ในอนาคต (หรือแม้แต่อนาคตในหนัง)

ในส่วนของฉากแอคชั่นก็ไม่มีผิดหวัง แม้ว่าเรื่องราวในเรื่องจะเกิดขึ้นในห้องควบคุมของยานเป็นส่วนมาก แต่การทำสร้างอารมณ์ร่วมที่ชวนลุ้นไปกับสถานการณ์ทำให้คนดูลืมไปเลยว่ามันดูเป็นฉากที่ถ่ายทำในห้องส่ง ในได้รู้สึกเหมือนอยู่ในยานจริงๆ ยังไงอย่างงั้นเลย อีกทั้งสมาชิกในยานแต่ละคนนั้นก็สร้างความบันเทิงให้กับแต่ละฉากในเรื่องเป็นอย่างดี ในทุกๆ ตำแหน่ง ที่ผลัดกันออกมาขโมยซีนกันได้ไม่หยุดหย่อน จนทำให้หนังดูบันเทิงขึ้นมาได้สุดๆ จนนับเป็นปฐมบทและการเปิดศักราชใหม่ของหนังชุด Star Trek ได้เป็นอย่างดี

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Simon Pegg คือดาราที่ไม่ได้ไปออดิชั่นสำหรับบทของเขา แต่พิเศษกว่านั้น เขาได้รับ E-Mail จาก J.J. Abrams ให้รับบท Scotty ในเรื่องนี้เลย ซึ่งเขาก็บอกว่าเขายินดีที่จะเล่นบทนี้ให้ฟรีเลย และจะยอมจ่ายเงินเพิ่ม J.J. ด้วยซ้ำ ถ้าไม่เอาเขาไปเล่นด้วย
  • เสียงของประตูอัตโนมัติในยาน U.S.S. Enterprise นั้น ได้มาจาก เสียงกดน้ำในส้วมบนรถไฟของประเทศรัสเซีย…
  • Leonard Nimoy เคยพูดกับ Zachary Quinto ที่รับบทสป็อคเหมือนกันว่า “นายไม่ทางรู้เลยว่านายจะได้เจออะไรในบทบาทนี้” ที่งาน Comic-Con