Murder on the Orient Express (2017)
ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส
คะแนน
โกดังหนัง
บทหนังดี นักแสดงชั้นนำมาเพียบ บรรยากาศไม่น่าไว้ใจ แต่ผู้กำกับดันพาหนังไปไม่ถึงจุดพีค กลายเป็นว่าไม่ดึงดูดผู้ชม อาจหลับได้ทันทีทั้งที่องค์ประกอบทุกอย่างดีมาก
คำคมจากภาพยนตร์
"Whatever people say, there is right. There is wrong. There is nothing in between."
"และสิ่งที่ผู้คนพูดว่ามีถูกก็มีผิด ไม่มีอะไรอยู่ระหว่างนั้น"
เรื่องย่อ
คดีฆาตกรรมบนรถไฟสายด่วนพิเศษเส้นทางจากอิสตันบูลไปยังท่ากาเลส์ ของฝรั่งเศส ซึ่งเกิดเหตุฆาตกรรมปริศนาขึ้นในรถไฟขบวนหรู ที่ยอดนักสืบ แอร์กูล ปัวโรต์ บังเอิญร่วมเดินทางมาด้วยพอดี และพบว่าการคือฆาตกรรมครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสะเทือนขวัญที่มีเด็กถูกลักพาตัวและฆาตกรรมอำพรางก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้น โจทย์สำคัญคือ ปัวโรต์ จะต้องพยายามสืบหาตัวคนร้ายที่อยู่ท่ามกลางผู้โดยสารร่วมขบวนทั้ง 13 รายนี้ให้ได้ก่อนที่รถด่วนขบวนนี้จะเดินทางถึงฝรั่งเศส
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Murder on the Orient Express เป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนที่มาด้วยรูปแบบ Whodunnit (ใครเป็นคนทำ ? ) ที่อ้างอิงมาตามนิยายต้นฉบับ ถ้าหากใครประทับใจเอโดกาว่า โคนัน หรือเชอร์ล็อค โฮมส์ ควรสามารถดูเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แม้วาหนังภาคนี้เล่าเรื่องได้น่าผิดหวัง ทั้งที่องค์ประกอบโครงสร้างนิยายทำออกมาดีมากๆ พล็อตเรื่องการฆ่ากันบนรถไฟที่มีปูมหลังอันซับซ้อน การคลี่คลายไขคดีทำได้ดูลึกลับบททำให้คนดูไว้ใจ เป็นแฟนนิยาย Agatha Christie จะชอบเรื่องนี้
- สายหนังฆาตกรรม
- สายหนังสืบสวนสอบสวน
- สายหนังทริลเลอร์
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ว่ากันตามตรงหนังจะดีหรือไม่ดี องค์ประกอบหลักอยู่ที่บทหนัง การแสดง และการกำกับ ถ้าหาก ขาดหายบางสิ่งบางอย่างไป หนังไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาไปยังคนดูได้ และเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ Kenneth Branagh ชื่นชอบและหลงใหลงานของ อกาธา คริสตี้ มานาน ก่อนหน้านี้เขาพยายามทำหนังไขคดีสืบสวนสอบสวนมาแล้วหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ผลลัพธ์พังไม่เป็นท่า และเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้เสียดายของมากๆ บทหนังดั้งเดิมในปี 1974 คือตำนานเลยก็ว่าได้ แต่เรื่องนี้หนังเบาะแสเยอะไปหมด ตามมาด้วยตัวละครที่เยอะ บทพูดเยอะอีก ไม่มีทางที่จะเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้เลยจริงๆ หนังเลยเต็มไปด้วยความรวบรัดเกินไป ถ้าหากนำไปเทียบกับ Knives Out ตัวละครทุกคนน่าสงสัย แต่เรื่องนี้กลับใช้งานไม่ได้คุ้มค่าเลย
สิ่งที่ดึงดูดหนังเรื่องนี้มีแค่ 2 เรื่อง คือการเปิดพื้นที่ให้ Kenneth Branagh เด่นสุด บทเยอะถ่ายทอดการแสดงออกมาดี แถมบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ อากาศหนาวบนรถไฟ กับอีกประเด็นคือ โปรดักชั่นที่ดูมากๆ คือมันน่าเชื่อมาก ว่ามันอยู่ในหนังมีตัวตนจริงๆ รถไฟหรูแบบนี้โคตรน่าไปนั่งมาก คือใส่ใจกับงานสร้างทุกรายละเอียดมากแต่บทหนังกลับไม่ได้ทำได้น่าสนใจ กลายเป็นว่าทุกอย่างที่มีปรุงแต่งไม่ได้ด้วยกัน คือหนังแทบไม่ได้มีเวลาเลย บทประพันธ์ดีแต่คนดัดแปลงทำออกมาน่าเบื่อ หลายครั้งมันทั้งเร็วและรีบ ทำให้เราตามความรู้สึกนักแสดงไม่ทัน ทั้งที่มันเก็บเกี่ยวความรู้สึกตัวละครได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคตัดต่อฟุ่มเฟือยเลย
หนังเวอร์ชั่นนี้เหมือนพยายามสื่อสารให้เราได้เห็นเส้นบางๆ ระหว่างความยุติธรรมและอยุติธรรม ผ่านตัวละคร แอร์กูล ปัวโรต์ เสียเอง แทนที่คนดูจะเป็นบุคคลที่สาม ดูเหตุการณ์ความเป็นไปภายในรถไฟด่วน กลับกลายเป็นเราได้ติดตามผ่านสายตาตัวละคร ปัวโรต์นักสืบสมองเพชร เพื่อเท่าทันความคิดและพัฒนาการตัวละครสู่ธีมอย่างรวดเร็ว หรือเอาง่ายๆ คือ ต้องการให้คนดูเรียนรู้และตั้งคำถามจากตัวละครนี้นี่เอง หนังทิ้งตัวตนจากนิยายต้นฉบับ จัดวางเนื้อหาให้เป็นสไตล์ของตัวเองที่ผู้กำกับชอบโศกนาฏกรรมสถาบันครอบครัว หรือปูพื้นหลังตัวละคร ซึ่งมันไม่สอดรับกับสิ่งที่ผู้ชมคาดหวัง
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Leslie Odom Jr. ไปปรากฏเป็นนักแสดงใน Glass Onion: A Knives Out Mystery
- Charlize Theron ถอนตัวเพราะติดถ่ายทำ Atomic Blonde