Midnight (2021)

คืนฆ่าไร้เสียง

Midnight Poster
7.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

ฉากไล่ล่านี่แหละคือที่สุด มันกดดันลุ้นระทึกทำหัวใจแทบวาย ฆาตกรโรคจิตหล่อแถมฉลาดเป็นกรดหวังปิดปากสาวที่พูดไม่ได้ พล็อตหนังดูง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่มอบความบันเทิงเติ่มอิ่มไม่น่าเบื่อเลย

หมวดหมู่ : Crime Drama
สัญชาติ : South Korea
กำกับโดย : Kwon Oh-seung
ความยาว : 1 ชั่วโมง 43 นาที
นักแสดงนำ : Wi Ha-joon, Jin Ki-joo, Kim Hye-yoon

คำคมจากภาพยนตร์

"คนอย่างแกจะทำอะไรฉันได้แน่จริงก็เข้ามาเลยซิ"

เรื่องย่อ

เรื่องราวของหญิงสาวหูหนวกและเป็นใบ้กลับบ้านอยู่ดีๆ ดันไปบังเอิญพบชายหนุ่มหล่อแต่ดันมาเป็นฆาตกรโรคจิตที่กำลังออกล่าเหยื่ออยู่ แต่ความทุพพลภาพของเธอเป็นอุปสรรคที่จะทำให้คนอื่นเชื่อหรือเข้าใจในสิ่งที่เธอเห็น ทำให้เธอและแม่ต้องดิ้นรนหนีเอาตัวรอดจากเมืองที่เสื่อมโทรมแห่งนี้เพื่อมีชีวิตรอด

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Midnight เป็นหนังเกาหลีที่มาในสไตล์เรื่องจริงผ่านจออารมณ์คนดวงซวย หญิงสาวผู้ไม่ได้เจอฆาตกรโรคจิตที่หน้าหล่อหน้าตาดี หนังเล่ามันส์ใส่ Feeling ลุ้นระทึก เอาตัวใจช่วยสาวผู้ไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหาเอาตัวรอดยังไง บรรยากาศหนังหม่นหม่อง แวดล้อมไม่ได้นำพาให้สาวผู้ไม่ได้เอาตัวรอดเลย เพราะความที่พูดไม่ได้มันลำบากยากเย็นจะเอาตัวรอด คนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วชอบไม่ใช่หนังสายเกา แต่เป็นคอหนังแนวเอาตัวรอดแนว Survival ซะมากกว่า

  • สายหนังระทึกขวัญ
  • สายหนังแนวเอาตัวรอด
  • สายหนังเกาหลี

รีวิว / สรุปเนื้อหา

พล็อตหนังดูเหมือนง่ายๆออกแนวเรื่องจริงผ่านไป คนดิ้นรนหนีเอาตัวรอดจากการไล่ล่า ความสนุกของหนังคือการเล่าเรื่องแบบ Real Time ใช้ฉากหลังเป็นการไล่ล่าช่วงเวลาคืนเดียวนี่แหละมันเลยให้ความรู้สึกว่าดูสนุกสมจริง บรรยากาศหนังน่าอึดอัดลุ้นแบบใจหายใจคว่ำ สถานการณ์เปลี่ยวๆ สาวพูดไม่ได้ไปรู้ไปเห็นฆาตกรโรคจิตความสวยคือโดนไล่ล่าแล้วเธอก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน เธอต้องหนีวิ่งซ่อนตัวแต่สภาพแวดล้อมเกาหลีย่ามค่ำคื่นมันก็วังเวงเหลือเกินเพราะภาพความจริงที่นี่ไม่ได้สวยงามปลอดภัยหรือภาพร้านกาแฟแหล่งท่องเที่ยวดังๆในเกาหลีใต้เลย หนังค่อยๆฉายภาพความเลวร้ายยามดึก หญิงสาวอ่อนแอพูดไม่ได้สื่อสารให้คนเชื่อและเข้าใจก็ว่ายากแล้ว แต่นี่ดันมาเจอโจรโรคจิตหน้าตาฉลาดเป็นกรดอีก

ฉากพีคๆของหนังคือประเด็นที่ว่าเป็นผู้หญิงมักได้เปรียบเวลาโดนไล่ล่าโดนข่มขืน ถ้าหากอยู่ในที่แจ้งขอความช่วยเหลือคนทำได้แน่ แต่เรื่องนี้มันดันตรงข้าม สาวน้อยพูดไม่ได้วิ่งหนีเข้าไปยังที่กว้างเพื่อขอความช่วยเหลือผู้คนแต่ไม่มีใครเข้าใจเธอ เรียกร้องบอกเจ้าหน้าที่ก็ทำไม่ได้อุปสรรคชิ้นใหญ่ เปิดทางให้โจรโรคจิตหน้าตาดีแต่งตัวหล่อ ฉกฉวยโอกาสตรงนี้แอบอ้างจากคนรอบข้างเพื่อตามล่าตัวเธอหวังเช็กบิลให้จบภายในคืนนี้ คนดูไม่ออกว่าเป็นฆาตกร มันจึงเหมือนภัยใกล้ตัวให้ต้องระแวดระวัง หนังพลิกไปพลิกมาฉากไล่ล่า มีทั้งหลากหลายอารมณ์ เกือบพลาด เกือบรอด ทำให้ลุ้นระทึกอย่างต่อเนื่องไป หนังหยิบปัญหาสังคมเกาหลีมาเล่าให้เห็นถึงภัยซ่อนแร้นของคนเกาหลี เหยื่อผู้หญิง และการไร้เสียง ที่เป็นช่องโหว่รูใหญ่ที่ทำให้สังคมที่นั้นดูไม่เท่าเทียมสักเท่าไหร่ บางฉากเราก็รู้สึกถอนหายใจกับแวดล้อมที่นั้นนะ การวางเฟรมภาพ การจัดแสงไฟในการถ่ายทำปลุกเร้าอารมณ์สื่อสารออกมาได้เสมือนจริงมาก มันเลยรู้สึกว่าเหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์นี้จริงๆอึดอัดแทน หนังขยี้ออกมาได้ถึงขีดสุด

ขอพูดถึงนักแสดงนำกันบ้าง ไม่คิดว่า Wi Ha-Joon จะพลิกบทบาทจากคุณตำรวจสุดหล่อตามหาพี่ชายใน Squid Game มากลายเป็นฆาตรกรโรคจิตไปได้ แปลกที่เวลาแปปเดียวเขาสามารถเล่นบทวายร้ายได้ดีขนาดนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีหนัก แต่เขาพยายามที่จะสลัดภาพจำเดิมๆทิ้งไปเพื่อให้คนเชื่อว่าเขาคือนักแสดงมืออาชีพได้ หน้าตานิ่งเยือกเย็นใช้ความหล่อเป็นอาวุธในการเล่นงานคน ฉากบ้าคลั่งวิ่งไล่ล่าคน ฉากต่อสู้คือ The Best มากเลย ส่วน Jin Ki-joo เรื่องนี้เธอต้องรับบทหนักนอกจากวิ่งหนีตายเพื่อเอาตัวรอดยังต้องแสดงบทที่พูดไม่ได้ มันเล่นเป็นความท้าทายที่ต้องเป็นหญิงสาวผู้โชคร้ายหนีแล้วหนีอีก ต้องพยายามต่อสู้กับภัยร้ายของตัวเองและภัยร้ายจากโจรที่หวังไล่ล่าฆ่าเธอ เป็นคาแรกเตอร์ที่ลุ้นเหนื่อยแทน แต่น่าชื่นชมที่ทำให้ผู้ชมเชื่อได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือสิ่งที่อันตรายในสังคมเกาหลีที่อาจพบเห็นได้ทั่วไป

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • หนังถ่ายทำเสร็จตั้งแต่ปี 2019 ก่อนจะมีโควิด
  • Wi Ha-Joon ถ่ายทำหนังไว้ก่อนที่ตัวเองจะดังจาก Squid Game