Mad Max: Fury Road (2015)
แมด แม็กซ์ ถนนโลกันตร์
คะแนน
โกดังหนัง
หนังแอคชั่นที่โคตรเดือด โคตรมันส์ ระดับปรอทแตก แถมงานโปรดักชั่นยังจัดเต็มตระการตามาก
คำคมจากภาพยนตร์
"My name is Max. My world is fire. And blood."
“ชื่อของผมคือ แม็กซ์ โลกของผมลุกเป็นไฟ... และเลือด”
เรื่องย่อ
แม็กซ์ ร็อคกาแทนสกี้ อดีตตำรวจที่ลูกเมียโดนแก๊งอันธพาลสุดป่าเถื่อนฆ่าตาย เลยใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมายในโลกที่ล่มสลายนี้ จนกระทั่งวันนึงเขาก็ถูกลูกสมุนของ อิมมอร์ทัล โจ จับตัวไป เพื่อไปถ่ายเลือดให้กับบรรดา วอร์บอย ลูกน้องของ โจ เลยทำให้เขาได้มาพบกับ ฟูริโอซา ผู้บัญชาการสุดเท่ที่มีภารกิจพา 5 สาวสวย ที่เป็นทาสของ โจ หลบหนีออกมา แต่งานนี้ก็ไม่ง่าย เมื่อ โจ ก็ส่งบรรดาเหล่าสมุนออกมาตามล่าในทันที จนกลายเป็นเส้นทางไล่ล่าสุดเดือดที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน เลย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Mad Max: Fury Road นั้นจะเหมาะกับคอหนังแอคชั่นกันแบบ 100% เพราะกว่า 95% ของหนังนั้นเต็มไปด้วยฉากบู๊จัดๆ และมีความหลากหลายเต็มที่ ทั้งฉากน้อย ใหญ่ ก็ล้วนแต่สร้างความตื่นเต้นตระการตาได้หมด อีกทั้งจังหวะดนตรีอันแสนเร้าใจ ที่อัดกันมาแบบไม่ให้คนดูได้พัก ก็น่าจะทำให้คอหนังแอคชั่นรู้สึกฟินกันสุดระดับ Max กันไปเลย หากใครชอบหนังแอคชั่นขับรถไล่ล่าตระกูล Fast an Furious แล้ว บอกเลยว่าหนังชุดนั้นจะชิดซ้ายกันไปเลย เมื่อเจอ Mad Max: Fury Road เพราะมันยกระดับความสนุกไปอีกหลายขั้นเลย
- สายหนังหลังโลกล่มสลาย
- สายหนังโลกดิสโทเปีย
- สายหนังแอคชั่นมันส์ระห่ำ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ด้วยความที่ Mad Max: Fury Road เป็นหนังที่ได้ผู้กำกับคนเดิมอย่าง George Miller ที่ปั้นภาคแรกให้โด่งดังมาแล้วเมื่อปี 1979 ที่ตอนนั้นได้ดาราดังในยุคนั้นอย่าง Mel Gibson มารับบทของ Max ซึ่งมาจนถึงภาค Fury Road นี้ ก็เสมือนเป็นการรีบู้ทติดเครื่องกันใหม่แบบยกชุด แต่พลังของหนังที่มียังคงเหลือล้น และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมันส์แบบระดับชิบหายวายวอดได้ยิ่งกว่าเดิมไปอีก ทั้งที่จริงแล้วพล็อตเรื่องของหนังก็มีง่ายแสนง่าย นั่นก็คือทีมตัวร้ายไล่ล่าทีมตัวเอก กันตลอดเส้นทางถนนทะเลทรายเท่านั้นเอง
แต่ด้วยความที่ฉากมันออกแบบมาได้ดี มีความอลังการงานสร้าง ตัวรถแต่ละคันก็มีลูกเล่นที่ชวนตื่นตา ทำให้งานศิลป์และการดีไซน์ต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ออกมาดีงามแบบสุด ๆ (ชนิดที่ว่ามีการทำเวอร์ชั่นขาวดำออกมา งานภาพก็ยังสวยไปอีกแบบอย่างน่าทึ่ง) ทั้งการเสพทั้งงานภาพและเสียงที่ทั้ง Mix ทั้งตัดต่อไปอย่างดี เหมาะกับการรับชมในโรง หรือดูบน Home Theartre ที่กระหึ่ม น่าจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้เป็นอย่างมาก เสมือนเป็นการเสพงานศิลป์จากทุกโสตประสาทได้เป็นอย่างดี จนอยากที่จะแคปฉากเหล่านี้เอาไว้อยู่หลายฉาก เพราะมันสามารถเอามาทำเป็น Wallpaper สวยๆ ได้เยอะมากๆ
การกลับมาใหม่ของ Mad Max ในครั้งนี้ แม้จะเป็นผู้กำกับรุ่นเก๋าคราวคุณปู่ แต่ทุกสิ่งในเรื่องก็ปรับตามให้ทันยุคสมัยอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นประเด็น Feminist พลังหญิงเข้าไป โดยมี ฟูริโอซา เป็นตัวนำที่อาจจะดูเด่น หรือน่าจดจำมากกว่าตัวเอกอย่าง แม็กซ์ เองเสียอีก รวมถึงบรรดาแก๊ง 5 สาวที่หนีออกมานั้น ต่างก็ใช้สกิลเอาชีวิตรอดกันอย่างเต็มที่ จนคนดูไม่มีโอกาสได้ก่นด่าว่ากล่าวว่าตัวละครไร้ประโยชน์เลย แถมตัวละครอื่นๆ ของหนังก็ยังถูกเติมมิติเข้าไปให้เป็นสีเทา มากกว่าที่จะยัดเยียดได้ว่าคนนี้เป็นคนดี หรือเป็นคนเลว ก็ทำให้ Mad Max เวอร์ชั่นนี้ เป็นการกลับมาที่สมศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก และเต็มไปด้วยพลังงานเหลือล้น จนผู้กำกับหนังแอคชั่นรุ่นหนุ่มหลายๆ คงต้องอายกันไปเลยทีเดียว
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- แม้จะเป็นหนังแอคชั่นจ๋า แต่มันก็สร้างปรากฏการณ์อันแสนยิ่งใหญ่ด้วยการพาตัวเองเข้าชิงรางวัล Oscar ถึง 10 รางวัล และกวาดรางวัลสายงานศิลป์ ทั้งตัดต่อทำเสียง คอสตูม แต่งหน้า งานโปรดักชั่น เรียกได้ว่ามงลงหมดจนไม่ต้องแปลกใจเลย
- ผู้กำกับ George Miller ทำ Mad Max ภาคแรกเอาไว้ เมื่อตอนอายุ 34 ปี ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จแล้ว แต่พอมาทำภาคนี้ด้วยวัย 70 ปี แถมกวาดรางวัลมาขนาดนี้ นับเป็นอีกพลังคุณปู่ที่บ้าดีเหลือเกิน
- George Miller ให้ภรรยาของเขา Margaret Sixel เป็นคนทำการตัดต่อหนังเรื่องนี้ให้ เมื่อเธอถามว่าทำไมถึงเลือกเธอ ทั้งๆ ที่ไม่เคยตัดต่อหนังแอคชั่นมาก่อน เขาตอบกับภรรยาของเขาว่า “ก็ถ้าให้ผู้ชายเป็นคนทำอีก มันก็คงออกมาเหมือนๆ กับหนังแอคชั่นเรื่องอื่นๆ ทั่วๆ ไป” แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เมื่อ Sixel ได้รับรางวัลออสการ์สาขาตัดต่อยอดเยี่ยมมาครอง