Justice League (2017)
จัสติซ ลีก
คะแนน
โกดังหนัง
อีกหนึ่งการรวมฮีโร่ของค่าย DC ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง จากการปูพื้นฐานตัวละครที่ยังไม่แน่นพอ สู่พล็อตที่แสนธรรมดา จนน่าเสียดาย
คำคมจากภาพยนตร์
“The world needs Superman... the team needs Clark.” “โลกใบนี้ต้องการซุปเปอร์แมน ทีมของเราต้องการคลาร์ก“
เรื่องย่อ
หลังจากเหตุการณ์ที่ทั้งโลกสูญเสียซุปเปอร์ฮีโร่คนสำคัญอย่าง ซุปเปอร์แมน ไปจากการต่อสู้กับดูมส์เดย์ การตายของเขาส่งผลให้กล่อง Motherbox ขุมพลัง 3 กล่องที่ซ่อนอยู่ในที่ต่างๆ ได้ส่งสัญญาณออกมาอีกครั้ง จนไปถึง สเตฟเฟนวูฟ วายร้ายที่หวังรวบรวม Motherbox ให้กับ ดาร์กไซด์ นายของเขา เหล่าฮีโร่ในแต่ละพื้นที่ต่างต้องปกป้อง Motherbox ในแดนของตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เลยทำให้ บรูซ เวย์น และ ไดอาน่า ต้องออกตามหาบรรดาซุปเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ เพื่อมาปกป้องโลกด้วยกัน
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Justice League ก็เป็นหนังรวมฮีโร่ของทางค่ายฝั่ง DC ที่เพิ่งมีแค่ใหม่กี่ตัว แต่จากความสำเร็จของอีกค่ายก็เลยทำให้ต้องรีบเข็นมาแข่งบ้าง แต่ด้วยความที่จักรวาลยังไม่แข็งเท่า การรวมฮีโร่ในรอบนี้เลยดูกระท่อนกระแท่นอยู่ไม่น้อย ทั้งตัวบทและฉากแอคชั่น ที่ยังไม่ค่อยถึงใจเท่าไร ส่วนนึงอาจจะเป็นการแทรกแซงของทางสตูดิโอ ทำให้ใครที่เป็นแฟนคลับค่าย DC อาจจะผิดหวังอยู่ไม่น้อย ส่วนใครที่มาดูแบบผ่านไปผ่านมาก็อาจจะรู้สึกว่ามันดูเพลินๆ อยู่ก็ได้ เอาเป็นว่าใครชอบหนังค่าย DC จากเรื่องก่อนๆ อย่าง Aquaman, Superman หรือ Wonder Woman มาก่อน ยังไงก็คงไม่อยากพลาดการรวมฮีโร่กลุ่มนี้กันแน่ๆ
- สายหนังแอคชั่นซุปเปอร์ฮีโร่
- สายหนังซุปเปอร์ฮีโร่ค่าย DC
- สายหนังรวมฮีโีร่
รีวิว / สรุปเนื้อหา
อีกหนังรวมซุปเปอร์ฮีโร่จากค่าย DC ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างความมืดหม่นลงไปในจักรวาลนี้ แต่หลังๆ ด้วยความสำเร็จของอีกค่าย เลยทำให้หนังปรับโทนมาอยู่ไม่น้อยเพื่อหวังว่าหนังจะไปโดนใจตลาดบ้าง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าหนังเสมือนติดอยู่ตรงกลางระหว่างความหม่น กับความอารมณ์ดี ที่ดูท่าจะไปไม่สุดเลยสักทาง อีกทั้ง Project อย่าง Justice League ก็คือศูนย์รวมปัญหาอย่างแท้จริง ทั้งการแทรกแซงของ Studio ทั้งการที่เปลี่ยนผู้กำกับกลางคันของการถ่ายทำ รวมถึงด้วยตัวจักรวาลเองก็ยังดูไม่แข็งแรงนัก เลยทำให้หนังออกมาค่อนข้างกระท่อนกระแท่นอย่างที่ออกมา
ในแง่ของพล็อตเรื่องนั้น ก็ถือว่าอ่อนมาก ด้วยเส้นเรื่องที่มากมายยุ่บยับขนาดนี้แต่กลับมีเวลาเล่าแค่เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ก็นับว่าเป็นอะไรที่บับอัดมากๆ แถมหนังยังต้องแบ่งเวลาไปเล่าถึงตัวละครใหม่ๆ อีก 2 ตัวที่เข้ามาแจมในเรื่อง ไหนจะต้องเล่าที่มาที่ไปและจุดประสงค์ตัวร้าย ไหนจะต้องรวบรวมคน ไหนจะต้องชุบซุปเปอร์แมน ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันเลยไปด้วยความเร่งรีบอยู่มาก และดูไม่ค่อยต่อเนื่องสักเท่าไร จนหนังไม่สามารถไปโฟกัสกับประเด็นหลักๆ ของเรื่องได้มากเท่าที่ควร
เรื่องที่น่าเสียดายไม่ได้มีแค่นั้น เพราะในแง่ของฉากแอคชั่นที่ปกติแล้วจะเน้นความดุดันรุนแรงด้วยวิชวลสวยๆ สไตล์ Zack Snyder ก็ดูเบาๆ ลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับตัวลูกน้อง หรือตัวบอสก็ดูเป็นอะไรที่เบาบางมากๆ และไม่สมศักดิ์ศรีสักเท่าไร ยิ่งเมื่อเทียบกับความอิพิคของอีกค่ายก็นับว่ามีความห่างชั้นกันอยู่เหลือเกิน ซึ่งที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะส่วนตัวมีการตั้งความหวังเอาไว้สูงอยู่เหมือนกัน เลยรู้สึกผิดหวังไปซะหมด เพราะหากมองแบบกลางๆ แล้วสุดท้ายหนังอาจจะไม่ได้แย่มาก และก็ค่อนข้างทำได้ตามมาตรฐานแอคชั่นฮีโร่ทั่วๆ ไป ถ้าไม่ได้คาดหวังมาก มันอาจจะเป็นหนังที่สนุกของใครหลายๆ อยู่ก็ได้
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ดาราสาวอย่าง Gal Godot นั้น ได้ใส่ชุดของ Wonder Woman ถึง 14 แบบในเรื่อง เพราะแต่ละชุดนั้น ออกแบบมาเพื่อให้ตรงกับสถานการณ์ให้หนัง และฉากที่ต้องถ่ายทำในตอนนั้นๆ
- ไม่มีการกล่าวถึงทีมฮีโร่ในเรื่องว่า Justice League เลย ทั้งจากฝั่งฮีโร่เอง และในตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง