เรื่องย่อ

John Wick เอาตัวรอดจากนักฆ่าและการตามล่าจากสภาสูงมาได้ เขาได้ค้นพบว่าหนทางรอดเดียวที่จะทำให้ชีวิตเขาเป็นอิสระ คือการต้องกลับมาเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รอเขาอยู่และเป้าหมายเดียวคือต้องโค่นสภาสูงให้สำเร็จ โดยครั้งนี้เขาต้องรับมือกับศัตรูอำมหิตรายใหม่ที่มีอิทธิพลกว้างขวางไปทั่ววงศ์วานนักฆ่าทั้งโลก ผู้พร้อมจะเปลี่ยนมิตรให้กลายเป็นศัตรู เปลี่ยนลมหายใจให้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ เปิดฉากการตามล่าครั้งใหม่ที่กินอาณาเขตแค้นไปถึง 3 ทวีป ทั้งในนิวยอร์ก ปารีส เบอร์ลิน และโอซาก้า

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ไม่มีใครคาดคิดว่าหนังแอ็คชั่นล้างแค้นหมาตายเรื่องนี้เมื่อ 9 ปีที่แล้วจะเดินหน้ามาไกลถึงขนาดนี้ แต่สิ่งที่งานชิ้นนี้คุณภาพแตกต่างจากหนังแอ็คชั่นแนวทางเดียวกัน คือการสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นที่มีศิลปะการต่อสู้ที่มีความหลากหลายเน้นความสมจริง อัด Long Take แบบเน้นๆ กลายเป็นไอเดียที่มีความสดใหม่ สานต่อเรื่องราวได้ยอดเยี่ยมในแนวทางที่ชัดเจนไม่ออกนอกกรอบ เนื้อหาภาคนี้ยังพูดถึงโลกอาชญากรรมโลกมืดของนักฆ่าที่ออกแนวหม่นหมองเน้นความดาร์คเป็นทุนเดิม และแบบที่ Keanu Reeves บอกเอาไว้เขาทุ่มเททุกอย่างหมดหน้าตักที่ตัวเองมี เราได้เห็นสไตล์การต่อสู้ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เรียกว่าไม่ได้มีแค่สาดกระสุนยิงกันตูมตาม แต่หนังมีอาวุธที่หลากหลาย ฆ่ากันแบบไม่มีผ่อน ทั้งมีดดาบธนู มันดูแล้วเพลินตามากๆ นี่ยังไม่รวมถึงการเปิดพื้นที่ตัวละครใหม่ๆเข้ามาสานต่อเรื่องราวได้อย่างกลมกลืน ค่อนข้างชอบที่หนังให้น้ำหนักตัวละครอื่นได้วาดลวดลายคิวบู๊เยอะๆมีฉากเดือดๆที่น่าจดจำ ทีมงานพิสูจจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคือนักสร้างหนังแอ็คชั่นเบอร์ 1 ของวงการเล่นไปแล้ว ลูกเล่นเยอะแยะเต็มไปหมดที่ปล่อยออกมา แถมฉลาดที่จะหาจุดลงตัวให้นักแสดงกับโลเคชั่นอย่างเมืองใหญ่อย่างปารีสมหานครที่งดงาม มันจึงกลายเป็นว่าทุกอย่างมันน่าหลงใหลสะกดคนดูได้อยู่หมัด

ถ้าหาก Tom Cruise คือคนที่ยกระดับงานแอ็คชั่นที่มีความสมจริงเน้นการเสี่ยงตาย ทีมงาน John Wick คือคนที่ทำให้หนังดิบเถื่อนแบบที่ผู้ชมต้องการ หนังวางโครงเรื่องที่น่าสนใจเทคนิคการถ่ายทำที่รวดเร็วมันเลยได้อารมณ์เหมือนวิดีโอเกมส์ยังไงยังนั้น ดำเนินเรื่องได้รวดเร็วเหมือนตะลุยไปทีละด้านมันเต็มไปด้วยความโลดโผนทะเยอทะยาน นี่ยังไม่รวมถึงซาวด์ดนตรีสกอร์ที่มิกซ์เสียงได้เร้าอารมณ์มากๆ จากบทหนังที่ดูธรรมดาใน 2 ภาคแรก กลับกลายเป็นว่าซีนแอ็คชั่นและบทหนังในภาค 4 เหมือนหาจุดลงตัวที่จะเล่าเรื่องได้โดยไม่ได้เน้นไปที่ Keanu Reeves อย่างเดียว หนังยังได้เล่าเรื่องได้เห็นชีวิตนักฆ่าที่สถานการณ์บีบบังคับให้พวกเขาต้องมาต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอด ทั้งที่พวกเขาก็เป็นคนธรรมดามีความรู้สึกนึกคิดอย่างก้าวกระโดดออกไปมีชีวิตที่เป็นอิสระ และนี่คือสิ่งที่ John Wick โหยหามันมาตลอด บทพูดไม่ได้เยอะอะไรมากแต่ทุกซีนทำออกมาได้ทรงพลังมากๆ ฉากคุยกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ร้อยเรียงเข้ากับคิวบู๊ได้แบบแนบเนียน มันทำให้เราได้เห็นพาร์ทดราม่าที่นิ่งเยือกเย็นไม่แปลกใจที่หนังภาคนี้ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์เมืองนอก

ส่วนพาร์ทของนักแสดง Keanu Reeves กลายเป็นแอ็คชั่นสตาร์ที่ใครๆต่างยอมรับ ฉากแอ็คชั่นที่เล่นเองแสดงเองกว่า 95 เปอร์เซนต์ในเรื่อง เขาได้ทุ่มเทออกมาจนเราอยากคารวะให้กับสิ่งที่เขาได้แสดงเอาไว้ส่วนจะยอดเยี่ยมแค่ไหนแนะนำว่าให้ไปชมในโรง คือเฮียแกเป็นหัวใจสำคัญจริงๆ กลับมาแจ้งเกิดก็เพราะ John Wick ส่วน Donnie Yen กลายเป็นนักฆ่าตาบอดที่โคตรเท่ห์ลุค Cool ลีลาพริ้วไหวมาก ชอบที่ทีมงานให้อิสระนักแสดงเอเชียคนนี้ทำให้เราได้เห็นทักษะการแสดงและศิลปะการต่อสู้แบบจีนที่สอดแทรกเข้าไปอยู่ในหนัง Hollywood มันน่าตื่นตาตื่นใจมาก นี่ยังไม่รวม Hiroyuki Sanada นักแสดงญี่ปุ่นที่เป็นขวัญใจแฟนๆ ยิ่งฉากที่ได้ฟาดฟันกับ Donnie แม่งโคตรมันส์ไปเลย ค่อนข้างชอบที่บทหนังเกลี่ยพื้นที่ให้ตัวละครสมทบ มันทำให้เราได้เข้าใจความขัดแย้งของทุกตัวละครเวลาที่ต้องสู้กัน ด้าน Shamier Anderson กลายเป็นตัวละครใหม่ที่โผล่มาแต่สร้าง Impact ให้ผู้ชมในเรื่องไม่มากก็น้อย ด้าน Bill Skarsgård เรื่องนี้สลัดภาพหนุ่มหล่อกลายเป็นวายร้ายที่บ้าอำนาจปั่นป่วนโลกนักฆ่าได้แบบโหดเหี้ยม