เรื่องย่อ

แจ็ค ไรอัน นักวิเคราะห์ข้อมูลการเงินจากทาง CIA ที่ได้รับภารกิจกลายเป็นสายลับภาคสนามแบบจำเป็นในรัสเซีย ก่อนที่จะพบว่า วิคเตอร์ เชเรวิน มหาเศรษฐีที่มีแผนที่จะทำลายเศรษฐกิจอเมริกาให้พังพินาศ เขาจึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งแผนการนี้ โดยมี แคธี่ ศรีภรรยาที่ดันจับพลัดจับผลูโผล่มาเซอร์ไพร์สเขาที่มอสโคด้วย จากการที่ไม่รู้มาก่อนว่าคนรักของเธอนั้นเป็นสายลับ จนต้องตกอยู่ในอันตรายในแบบไม่ได้ตั้งใจ

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Jack Ryan: The Shadow Recruit นั้น คนดูสามารถสนุกไปกับหนังได้เลยโดยที่ไม่ต้องติดตามเวอร์ชั่นเก่าๆ หรือรู้จักกับตัวละครนี้มาก่อน เพราะหนังมีความเป็นเอกเทศของตัวเองมาก และหวังที่จะปั่นแฟรนไชส์นี้ขึ้นมาใหม่ แต่สุดท้ายก็ดันเจ๊งจนไม่ได้ไปต่อ ถึงแม้รายได้หนังจะน้อยเพราะเสียความเข้มข้นโทนการเมืองไป แต่ในด้านความบันเทิงในแบบสายลับก็ยังถือว่าหนังตอบโจทย์ได้ดี และมีมุมที่แตกต่างออกไปจากสายลับนักบู๊คนอื่นๆ ใครที่ชอบหนังสายลับสไตล์ตื่นเต้น ระทึกขวัญ แบบ Jack Ryan ในเวอร์ชั่นอื่นๆ อย่าง tom Clancy’s Jack Ryan (ฉบับซีรี่ส์), Clear and Present Danger, Patriot Games  และเรื่องอื่นๆ ในชุดแล้ว ก็ควรจัดกันให้ครบๆ

• สายหนังแอคชั่นสายลับ
• สายหนังสายลับสุดระทึก
• สายหนังสืบสวนจากนิยาย

รีวิว / สรุปเนื้อหา

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ขึ้นจอของ Jack Ryan เพราะมีหนังเวอร์ชั่นก่อนหน้ามาแล้วมากมาย ซึ่งเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังชุดนี้ ก็คือด้วยหน้าที่ของ Jack นั้น จะเป็นนักวิเคราะห์ทางการเงิน ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงไปบู๊เองสักเท่าไร แต่ถึงอย่างไร ก็มักจะมีโอกาสให้เขาได้ลงสนามไปเจอสถานการณ์ที่ลุ้นระทึกอยู่เสมอ เลยทำให้เขาอาจจะไม่ใช่สายลับนักบู๊ในแบบที่เราเห็นจากไหนหลายๆ เรื่องนัก แต่มักเน้นไปยังพาร์ทสืบสวนลุ้นระทึกโดยมีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นฉากหลังเสียมากกว่า (แต่ภาคนี้ก็น่าจะเยอะอยู่) ซึ่งนั่นก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้หนังชุดนี้มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร 

แต่แม้ว่าตัวเอกจะไม่ใช่นักบู๊ แต่ขอรับรองเลยว่าในฉากต่างๆ ของเรื่องก็ทำออกมาได้ลุ้นระทึก บีบหัวใจ ไปกับภารกิจแฝงตัวเข้าไป และอีกสีสันของหนังคงหนีไม่พ้นตัว แคธี่ แฟนสาวของ ไรอัน ที่โดยปกติแล้วความสัมพันธ์มักจะกลายเป็นส่วนเกินของชีวิตสายลับ แต่ในเรื่องนี้มันก็มีมุมที่น่ารักดี เมื่อแฟนสาวของตัวเอกนั้น ดันเข้ามาพัวพันกับภารกิจด้วยแบบไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยเห็นในหนังสายลับเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้เท่าไรนัก (จะมีคล้ายๆ ก็เป็น Mission Impossible III) ในด้านตัวร้ายก็ทำออกมามีมาดโหดๆ เข้มๆ น่ากลัวดี ช่วยเพิ่มความระทึกของหนังได้เยอะ

ในด้านจังหวะการเดินเรื่องก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะในข้อดีของมันนั้น คือการเดินเรื่องที่ฉับไวมาก เข้าเรื่องอย่างเร็ว ไปข้างหน้าอย่างไว เดี๋ยวทำภารกิจ เดี๋ยวพลาด เดี๋ยวพลิก คือมีอะไรเกิดขึ้นให้ได้ลุ้นกันอยู่ตลอด จนโทนของหนังดูเป็นหนังแอคชั่นมากๆ แม้ว่าฉากแอคชั่นจะไม่เยอะก็ตาม แต่ข้อเสียก็ดูเหมือนภารกิจ และการแก้ปัญหาของหนังอาจจะดูง่ายและราบรื่นไปหน่อย ถ้าดูแบบไม่คิดมาก และให้หนังพาเราไปลุ้นกับสถานการณ์ต่างๆ แล้ว นี่คือหนังสายลับที่ดูสนุกมากๆ อีกเรื่องเลย