How To Make Millions Before Grandma Dies (2024)

หลานม่า

How To Make Millions Before Grandma Dies Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังที่ซึ้งชิบหาย นักแสดงนำเล่นได้โคตรดี ขับเคลื่อนอารมณ์คนดูได้เยี่ยม ต่อมน้ำตาแตกไม่ทันตั้งตัว

หมวดหมู่ : Drama
สัญชาติ : Thai
กำกับโดย : Pat Boonnitipat
ความยาว : 2 ชั่วโมง 5 นาที
นักแสดงนำ : Putthipong Assaratanakul, Usha Seamkhum, Tontawan Tantivejakul

คำคมจากภาพยนตร์

"ถ้าเขาไม่ได้กลับมา ก็แปลมาว่าเขาสบายดี"

เรื่องย่อ

เอ็มเด็กหนุ่มที่ดร็อปเรียนมหาลัย เพื่อหวังจะเป็นเกมเมอร์ชื่อดัง หวังหาเงินได้เยอะๆ แต่เวลาผ่านไปเขาไม่ดัง และต้องขอเงินแม่ตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้เห็นว่าลูกพี่ลูกน้องทำงานเป็นคนดูแลคนแก่ แล้วได้รับมรดกเป็นบ้านหลังใหญ่ เขามองเห็นลู่ทาง และตัดสินใจที่จะเขาไปดูแลอาม๋าตัวเองที่ป่วยเป็นมะเร็งทำดีเพื่อหวังมรดก

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ หลานม๋า เป็นหนังที่เรียบง่ายที่ลึกซึ้งกินใจมากๆ ต่อให้คุณจะไม่ใช่แฟนหนัง GDH ก็ได้เข้าใจได้ไม่ยาก เป็นหนังธรรมดาแต่แฝงไปด้วย Message ที่คมคาม เรื่องราวครอบครัวที่หลายๆคนมองข้ามละเลยไป คนสูงอายุ เด็กหนุ่ม ผู้กำกับชัดเจนกับประเด็นที่จะเล่าแน่นอนว่าอาจทำให้ใครหลายคนน้ำตาแตกแบบไม่ทันตั้งตัว คนเรามักหลงลืมความสัมพันธ์ในครอบครัวจนละเลยการเอาใจใส่คนใกล้ตัว และเรื่องนี้ก็ทำให้เห็นภาพแบบนั้น

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นี่คือหนังครอบครัวที่เล่าผ่านคน 2 เจนเนเรชั่นที่มุมมองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับนำเสนอออกมาแบบมีมิติ ผ่านตัวละครเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากประสบความสำเร็จอยากมีเงินอยากได้รับการยอมรับแต่ผ่านไปเรื่อยๆเขาไม่มีอะไรที่ชัดเจน กับผู้ใหญ่วัยใกล้ฝั่งที่นับวันลูกๆค่อยๆห่างไกลและความสำคัญดูลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งโรคร้ายมาเยือนแม่ตัวเอง บรรดาลูกๆดันมาให้ความสนใจเพื่อหวังผลประโยชน์ และเลือกจะปิดบังไม่บอกเพื่อไม่บั่นทอนความรู้สึก ในมุมหนึ่งมันก็เข้าใจได้เพราะจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข แต่อีกมุมหนึ่งมันก็โหดร้ายที่คนที่ดูแลพวกเขามาดันเลือกวิธีการแบบนี้ หลานชายไม่ได้เข้าใจโลกจึงเลือกทำในมุมมองที่ต่างออกไป แน่นอนว่ามันรุนแรงเกินไป แต่มันทำให้ได้เห็นมุมมองตัวละครที่ชัดเจนมากขึ้นพวกเขาจะรับมือเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไงมากกว่า ภาพในหนังมันค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนมองผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าความรู้สึกอาม่าตัวเองและแสร้งทำตัวเป็นคนดีปกปิดความต้องการเอาไว้ ในอีกมุมหนึ่งหลานชายที่แอบหวังลึกๆ ก็ได้เรียนรู้ว่าชีวิตคนวัยชราไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่ไม่ทิ้งขว้างคิดถึงแค่ผลประโยชน์ ผู้ใหญ่แค่อยากได้รับความห่วงใยการเอาใจใส่ก็เท่านั้น ยิ่งครอบครัวใหญ่ พ่อแม่มักเป็นห่วงลูกที่เอาตัวไม่รอดมากกว่าคนที่มีครอบครัวมีเงินมีทอง เพราะมุมมองของพ่อแม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีไม่สร้างความเดือดร้อนไม่เป็นภาระคนอื่น ชอบที่หนังสำเร็จทุกตัวละครผ่านหลานชายอย่างเอ็ม และอาม่าที่เป็นคีย์แมนหลักทำให้เห็นว่าตัวละครสมทบมากมายทุกคนแทบจะสร้างบาดแผลให้คนอื่นแบบไม่ทันตั้งตัว ชอบที่หนังดูเรียลและเนื้อหาชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นหนังครอบครัวที่คงไปโดนใจใครหลายคน พี่ชายคนโตที่สนใจแต่งานและครอบครัวตัวเอง น้องสาวคนกลางก็ทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลแม่ ลูกชายคนเล็กก็ไม่เอาไหน ชีวิตในวัยเด็กบางคนพ่อแม่ทำงานหนักไม่มีเวลาดูแลลูกก็ส่งลูกไปอยู่กับปู่ ย่า ตา ยายเลี้ยงดู หน้าหนังเลยทำงานกับคนดูได้ไม่ยาก

หนังเป็นหนังธรรมดา แต่ดูลึกซิ้งจริงใจ เจตนาชัดเจนจากผู้กำกับคือการพูดถึงตัวละครที่ห่างเหินกันอยู่ดีๆก็ดันเข้าอกเข้าใจกันในเวลาอันรวดเร็ว เด็กหนุ่มเป็นเสมือนตัวแทนคนที่อยากประสบความสำเร็จแบบทางลัดด้วยค่านิยมปัจจุบัน ไม่หล่อ ก็รวยมีเงินใช้เยอะ มีผู้ติดต่อที่เยอะแยะ และเมื่อเขาเห็นลู่ทางความสำเร็จจากญาติตัวเองที่เป็นพยาบาลดูแลคนแก่ เขาก็เลือกจะทำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังญาติตัวเองก็ไม่ได้สวยหรู เธอก็มีความกระหายอยากได้รับการยอมรับ แต่งตัวสวยๆ มีรถหรูขับ และพบช่องโหว่สังคมผู้สูงอายุเลยอาศัยจุดนี้ดูแลคนแก่ งานสบายๆที่เธอบอกว่าลูกพี่ลูกน้องเลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำพาตัวละครได้กลับไปสัมผัสชีวิตผู้สูงอายุจริงๆ ที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าธรรมชาติคนที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งรู้สึกนึกคิดยังไงกันแน่ ใช้ชีวิตแบบธรรมดา แต่เขาก็อยากให้รู้มาหามาเยี่ยมอยู่เป็นประจำ การที่อาม่าสั่งสอนค่อยบอกหลานตัวเองมันทำให้เห็นภาพว่าสังคมไทยยุคนี้ทุกคนถ้าหากไม่มีปัญหาใช้ชีวิตที่ดีไม่ค่อยสนใจใยดีพ่อแม่ตัวเองเลย มีฉากหนึ่งที่อาม่าบอกหลานตัวเองว่าถ้าไม่เดือดร้อนจริงพวกเขาไม่คิดถึงเราหรอกมันกลายเป็นซีนธรรมดาที่โคตรสะเทือนอารมณ์ใครหลายคน หรือการที่ตัวละครมากมายคาดหวังมรดกบ้านอาม่า ทุกคนก็มักทำดีเอาใจ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีชุดความคิดแบบนั้นเสมอไป หนังไม่ได้ให้ร้ายอะไรคนดูตรงข้ามหนังทำหน้าที่ได้อย่างเรียบง่าย และมี Message ที่คมคาย ปกติแล้วงาน GDH จะแฝงโฆษณาสินค้าลงไปแต่เรื่องนี้กลับไม่มีแสดงให้เห็นว่า ถ้าหากมีประเด็นที่แข็งแรงมากพอ

ค่อนข้างชอบการแสดงของบิวกิ้นที่ฉายแสงออกมาทันที พัฒนาการจากเด็กไร้ความหวังไร้ความฝัน ค่อยๆเรียนรู้ชีวิตเข้าใจโลกมากขึ้น จากช่วงแรกคาดหวังจะทำงานดูแลคนแก่ หวังใช้ช่องโหว่อาการบาดเจ็บของอาม่าตัวเองหวังทำดี กลายเป็นว่าตัวละครนี้เข้าใจโลกมากขึ้น ทำให้เชื่อแบบสนิทใจว่าเขาคือหลายชายที่แอบหวังผลประโยชน์ แฟนคลับบิวกิ้นจะได้เห็นมิติใหม่ๆที่แตกต่างจากงานแสดงเรื่องก่อนแน่ๆ การแสดงร่วมกับยายแต๋ว อุษา เสมคำ ทำให้เคมีของทั้งคู่ไปกันได้เหมาะสม ทั้งคู่ดูสนิทสนม มอบมิติให้ผู้ชม ฉากที่บิวกิ้นแสดงคู่กับอาม๋า ให้ความรู้สึกที่น่ารักอิ่มเอมใจมากๆ ไม่แปลกใจถ้าหากปีหน้าทั้งคู่มีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมในไทยเพราะถ่ายทอดออกมาได้ดี นักแสดงสมทบท่านๆอื่นๆที่ถูกโยนเข้าไปในเรื่องพี่เผือก พงศธร ลูกคนเล็กตัวแทนของคนในบ้านที่ไม่เอาไหนที่สร้างสีสันให้แม่ตัวเอง และมักสร้างปัญหาภาระอยู่เป็นประจำ, พี่ดู๋ สัญญา พี่ชายคนตัวมีครอบครัวมีชีวิตที่พร้อม เป็นลูกรักของแม่ตัวเอง, เจีย สฤญรัตน์ โทมัส ที่เปรียบเสมือนร่างทรงอาม๋าถอดแบบออกแบบ ตัวละครที่ทำงานหนักเพราะถูกสั่งสอนจากวิธีการชุดความคิดแบบคนยุคเก่าทำงานหนักจะได้เป็นเจ้าคนนายคนแต่โลกในยุคนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป อีกหนึ่งตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ ที่ไม่พูดไม่ได้คือโลเคชั่นตลาดพลู ที่ดูสมจริง เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้เรียบง่ายละแวกนั้นวุ่นวายมากๆ แต่ทีมงานผู้กำกับ ช่างภาพใช้พื้นที่ตรงนี้ทำออกมาได้น่าประทับใจกลายเป็นหนึ่งตัวละครสำคัญในเรื่องที่ดูแปลกตาไปจากเดิม และกลายเป็นตัวละครที่เด็ดในเรื่องนี้อีกด้วย

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • บิวกิ้น กับตู ตะวัน เคยร่วมงานกันมาแล้วในเพลงเหนื่อยใจของ Ink Waruntorn
  • ไม่มีใครจำบิวกิ้นได้ตอนไปถ่ายทำหนังที่ตลาดพลู
  • พี่ดู๋ สัญญารับแสดงเรื่องนี้โดยไม่ได้อ่านบทหนัง
  • พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ กำกับหนังเรื่องแรก หลังประสบความสำเร็จจากซีรีส์ฉลาด เดอะ เกมส์โกง
  • ชีวิตจริง อุษา เสมคำ ก็แทบไม่ต่างจากอาม่าในเรื่อง ที่ลูกหลานห่างเหิน
  • อุษา เสมคำ คือคนสุดท้ายที่ทีมงานแคสติ้งไปเจอ
  • อุษา เสมคำ ไม่รู้จักว่าบิวกิ้นคือใครตอนออกกองไปถ่ายทำ