Cellular (2004)
สัญญาณเป็น สัญญาณตาย
คะแนน
โกดังหนัง
หนังสายลุ้นที่กระตุ้นอะดรีนะลีนแบบเต็มสูบ สนุกไปกับเรื่องราวที่แสนฉับไว จนสามารถมองข้ามข้อไม่สมเหตุสมผลไปได้เป็นอย่างดี
คำคมจากภาพยนตร์
“Don't ever call me again.” “อย่าได้โทรหาผมอีกนะ”
เรื่องย่อ
ไรอัน หนุ่มวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตบันเทิงตามประสาคนวัยนี้ ที่ได้รับโทรศัพท์ปริศนาจาก เจสซิกา บ้านบ้านคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มชายลึกลับบุกเข้ามาในบ้านและจับตัวเธอเอาไว้ ด้วยความสามารถที่มีเธอจึงประกอบโทรศัพท์ที่เสียขึ้นมาใหม่ได้ แต่แจ็คพ็อตไปที่เบอร์ของ ไรอัน เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งในตอนแรกเขาก็คิดว่าเป็นการแกล้งกัน แต่เมื่อเหตุการผ่านไปสักพัก เขาก็ต้องเชื่อ และช่วยเหลือครอบครัวนี้ให้พ้นจากอันตราย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Cellular เป็นหนังอีกเรื่องที่เหมาะสำหรับคอหนังตื่นเต้นลุ้นระทึก ที่ไม่เน้นคุณภาพมาก แต่เน้นความบันเทิงจัดเต็มให้มีอะไรร่วมลุ้นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ด้วยความที่เดินเรื่องเร็วฉับไว จังหวะพักน้อย ก็ดึงให้คนดูติดตามหนังต่อเนื่องได้อยู่หมัด ใครที่หวังอยากได้หนังลุ้น ให้เลือดลมได้สูบฉีด เหมือนหนังสไตล์ลุ้นระทึกตามสายโทรศัพท์เหมือนกัน อย่าง Phonebooth หรือ Kidnap รับรองได้เลยว่าชอบเหมือนกันแน่นอน
- สายหนังลุ้นระทึกตลอดเรื่อง
- สายหนังระทึกขวัญตามสาย
- สายหนังแอคชั่นสุดระทึก
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ความน่าสนใจของหนังอยู่ที่การเดินเรื่องอย่างฉับไว เพียงแค่ 5 นาที เราก็เห็นตัวละครอย่าง เจสสิกา ได้ถูกบุกบ้าน และจับตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงไม่นานนักตัดภาพมาอีกที ทางไรอันก็ได้รับสายเป็นที่เรียบร้อยเข้าเรื่องและได้เริ่มลุ้นกันในทันที เลยเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบหนังที่ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงแต่อย่างใด เพราะตั้งแต่สายเข้าปุ้บ หนังก็โยนสถานการณ์มาให้กับไรอันอยู่ตลอดทั้งเรื่องเท่าที่หนังจะสรรหามาได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์สัญญาณหาย แบตจะหมด รวมถึงการลากเอาคนรอบตัวในครอบครัวมาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ด้วย
แม้ว่าหนังจะออกมามีส่วนที่ไม่สมเหตุสมผลนัก ตามสไตล์หนังระทึกขวัญที่เน้นให้คนตื่นเต้นมากกว่าความละเอียดละออของเหตุการณ์ แต่ทั้งนี้ ด้วยความที่มันเดินเรื่องอย่างเร็วฉับไว และไม่มีโอกาสให้พักมากนัก คนดูก็เลยไม่ทันที่จะหาเหตุผลหาผลมารองรับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเม็คเซนส์ที่ว่า อีกทั้งด้วยเวลาที่ถูกบีบคั้นของตัวละครเลยทำให้มีพฤติกรรมแปลกๆ ออกมาโดยที่สามารถเข้าใจได้ จนไม่ค่อยมาใส่ใจในส่วนนี้เท่าไรนัก หนังมันเลยค่อนข้างออกแนวลากคนดูไปในแนวบันเทิงซะมากกว่า
ในด้านทีมดารามแม้ว่าจะไม่มีอะไรโดดเด่นนัก แต่ทว่าก็เป็นภาพที่หาดูได้ยากไม่น้อยที่จะได้เห็น Chris Evans และ Jason Statham มาเล่นหนังในเรื่องเดียวกันโดยที่มีคนนึงเป็นตัวเอก และอีกคนเป็นตัวร้ายในวัยที่หน้ายังใสทั้งคู่ เลยทำให้มันเป็นหนังลุ้นระทึกสายป๊อปคอร์นที่ทำออกมาได้ดูสนุก มีเหตุการณ์ให้ชวนลุ้นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งด้วยเวลาที่บีบคั้น กับสถานการณ์ที่จำเป็น ก็ให้หนังยิ่งดูลุ้นขึ้นมาเป็นทวีคูณ เหมาะกับในวันว่างที่อยากหาอะไรเพลินมากๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- โทรศัพท์มือถือที่ Ryan ใช้ในเรื่องนั้น ไม่ได้เอามาใช้งานจริงๆ แต่ว่าเขามีหูฟังหนึ่งอันสำหรับตอนถ่ายทำ เพื่อที่จะได้ต่อบทกับเสียงที่มาจากฝั่งตรงข้ามได้
- เฉินหลงเกือบได้มารับบทของ Ethan ที่เป็นคนร้าย แทน Jason Statham แล้ว ซึ่งคงนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะออกมายังไง
- หนังถูกทาง Hong Kong เอาไป Remake ด้วยชื่อว่า Connected ในปี 2008 ด้วยบทที่ดูเป็นโทนจริงจัง และกดดันกว่าเดิม