Captain America Civil War (2016)

กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก

Captain America Civil War Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

เป็นงาน Marvel ที่สนุกมาก มีความแปลกใหม่ประเด็นการเล่าเรื่องการได้เห็นฮีโร่ไฟท์กันเองเป็นอะไรที่มันส์มาก สานต่อเรื่องราวขยายวงกว้างไปยังจักรวาลอื่นๆของ MCU ได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด

หมวดหมู่ : Action Hero
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Anthony Russo Joe Russo
ความยาว : 2 ชั่วโมง 28 นาที
นักแสดงนำ : Chris Evans, Robert Downey Jr., Sebastian Stan

คำคมจากภาพยนตร์

"Victory at the expense of the innocent is no victory at all."
"ชัยชนะ ที่สังเวยด้วยชีวิตของผู้บริสุทธิ์ ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็น ชัยชนะ"

เรื่องย่อ

สตีฟ โรเจอร์ส ได้นำทีมอเวนเจอร์สทีมใหม่ ในการเดินหน้าเพื่อปกป้องมนุษยชาติ หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยมีอเวนเจอร์สเข้าไปเกี่ยวข้องได้ส่งผลกระทบต่อเนื่อง ความกดดันทางการเมืองทำให้เกิดระบบตรวจสอบและพิจารณาการทำงานของทีมอเวนเจอร์ส ซึ่งสถานภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ทำให้เกิดรอยร้าวในเหล่าอเวนเจอร์สในขณะที่พวกเขาก็ต้องปกป้องโลกจากวายร้ายผู้ชั่วช้าคนใหม่

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Captain America Civil War นั้น แน่นอนว่าก็ต้องเหมาะกับคนที่ดู  Marvel เหล่า Avengers สานต่อเรื่องราวจากหนัง Avengers: Age of Ultron มาเพราะเป็นภาคต่อกันมาแบบโดยตรง หนังมันพาเราไปสำรวจเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นแล้วในจักรวาลนี้จากเรื่องอื่นๆ ทำให้เห็นมุมมองการเป็นฮีโร่ที่ยากลำบาก หนังใส่ฉากแอ็คชั่นประเด็นดราม่าความขัดแย้งที่ทำให้หนังคาดเดาอะไรไม่ได้ แถมยังมีแฟนเซอร์วิสให้ได้กรี๊ดได้อินกันอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครที่ไม่ได้ตามดูมาโดยตลอดรับรองว่าน่าจะมีงงกันบ้าง แนะนำเลยว่าภาคสุดท้ายของตำนานมหากาพย์นี้ เหมาะสำหรับแฟนๆ Marvel Cinenmatic ตัวจริงกันอย่างแน่นอน

  • สายหนังแอคชั่นซุปเปอร์ฮีโร่
  • สายหนังแอคชั่นบล็อกบัสเตอร์
  • สายหนังภาคต่อ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ในช่วงเวลาที่หนังฮีโร่ Marvel เฉิดฉายพวกเขาสร้างเนื้อหาหนังได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด ช่วงพีคๆคือเฟส 3 นี่แหละที่ทำให้ไม่ว่าจะวางพล็อตวางโครงเรื่องอะไรใหม่ หนังทุกเรื่องดูกลมกลืนเป็นจักรวาลเดียกันไปหมด ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วงปี 2016  Captain America: Civil War คือหนังฮีโร่ที่ทำออกมาได้ดีในแง่ของความบันเทิงความจัดจ้าน หนังไม่ได้มาแค่ฮีโร่สู้กันฟัดกันเอง แต่มันยังพูดถึงประเด็นการเมือง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่ดูจะแตกร้าวไม่เหมือนเดิม การมีทัศนคติที่แตกต่างกันสุดขั้วจนเกิดการแบ่งฝ่าย วายร้ายที่ฉลาดเป็นแค่คนธรรมดาไม่ต้องมีพลังพิเศษอะไรแต่ก็สามารถปั่นป่วนให้คนที่มีพลังพิเศษออกมาสู้ฆ่ากันได้โดยไม่สนใจสิ่งดีๆที่ร่วมกันกอบกู้โลกมา หนังมาในแบบที่ขึ้นถึงจุดสูงสุด อ่อนลงมาแล้วก็ทยายไปจนถึงบทสรุปตอนสุดท้าย ค่อนข้างชอบเป็น 2 ชั่วโมงครึ่งที่ไม่มีความรู้สึกเบื่อสานต่อเนื้อหาจากหนัง MCU เรื่องก่อนๆได้ดีมากๆ

หนังค่อยๆเปิดประเด็นให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของตัวละครเพื่อนแท้มิตรแท้ ที่ตัวละครเชื่อมั่นว่าเพื่อนตัวเองเนื้อแท้เป็นคนที่ดีไม่ได้เลวร้าย  แต่เมื่อมีคนไม่ได้เชื่อมั่นแบบนั้น ก็จนปัญหาที่ Captain จะทำให้ใครเชื่อได้อีกต่อไป หนังภาคนี้เลยบอกให้เห็นว่าจริงๆแล้วตัวร้ายไม่ใช่คนที่กลุ่ม Avengers ไปปราบแบบที่ผ่านๆมา แต่วายร้ายตัวจริงก็คือพวกเขานี่แหละ เมื่อใช้กำลังไปสู้มันย่อมส่งผลกระทบคนบริสุทธิ์ต้องตาย ส่งผลมายังสถานะทางการเมืองในหลายๆประเทศที่ความเป็นฮีโร่เหมือนมีสิทธิ์พิเศษรุกล้ำเข้าประเทศอื่น จนผู้คนหวาดกลัว เราได้เห็นว่าหนังเรื่องนี้มีแตะประเด็นการเมือง Captain และ Tony เห็นต่างทำให้เราได้เห็นเลยว่า 2 ตัวละครนี้มี Impact กับมุมมองทัศนคติในการตัดสินใจคนเพื่อนๆฮีโร่คนอื่นๆ นอกจากมุมมองที่เห็นต่างจนกลายเป็นจุดแตกหัก เราได้เห็นการเปิดพื้นที่ตัวละครใหม่ในเวลานั้นเข้าสู่จักรวาล นั่นคือ Black Panther และ Spider Man และการได้ Ant-Man มาเสริมทีมอีกคน สนุกดีแหะฉากที่สนามบิน Berlin ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นฉากสู้กัน เพราะเบื้องหลังกว่าจะเกิดฉากนี้ได้ทีมงานเกิดข้อถกเถียงเยอะมากจะทำออกมาอย่างไรดี แต่บอกเลยว่าใครที่ดูฉากนี้ในโรงสนุกดี เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า Avengers มาฟัดกันเองได้โคตรมันส์แบบนี้

บทหนังที่ถูกปรุงแต่งโดย Christopher Markus และ Stephen McFeely ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกมากการกล้าหยิบประเด็นใหม่มุมมองใหม่มาใส่มาเล่าใหนังฮีโร่กลายเป็นว่ามีลูกเล่นที่ดีเกินคาด การกระจายบทหนังเปิดพื้นที่ความขัดแย้งตัวละคร Robert Downey Jr กลายเป็นนักแสดงคนสำคัญมาก การเป็น Tony Stark ฟาดฟันกับ Chris Evans ได้ถึงพริกถึงขิง หรือจะเป็นตัวละครสมทบรายอื่นที่ซัพพอร์ทเรื่องราวได้ดีทั้ง Scarlett Johansson, Anthony Mackie, Sebastian Stan, Jeremy Renner, Paul Rudd, Elizabeth Olsen,  Don Cheadle รวมถึงไปเปิดตัว Spider Man ในจักรวาล MCU ได้น่าสนใจกับน้อง Tom Holland เคมีดูสนุกมันดูเข้ากันเข้ากันมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่หนังต่อยอดผูกให้เห็นความสัมพันธ์ 2 ตัวละครนี้ นี่ยังไม่รวมถึงการเปิดตัว Black Panther  Chadwick Boseman ถึงจะมาน้อยแต่มอบการแสดงที่นิ่งสุขุมนุ่มลึกมากๆ หนังเองไม่ได้จัดวางนักแสดงฮีโร่แบบพื้นๆ แต่เลือกซีนที่น่าจดจำ อีกคนที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ Daniel Brühl วายร้ายตัวแสบที่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายเพียงแค่ไม่กี่ฉาก ไม่แปลกใจที่เขาคือนักแสดงมากฝีมือจากเยอรมัน

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Tom Holland แคสติ้งบท Peter Parker ร่วมกับ Chris Evans และ Robert Downey Jr. แล้วได้เล่นเรื่องนี้ทันที
  • ฉากสนามบินที่ Berlin ไปถ่ายที่ Leipzig
  • บทหนังดั้งเดิมไม่ได้มีฉากที่กลุ่มฮีโร่สู้กันเอง
  • Chris Hemsworth นึกว่าตัวเองโดนเขี่ยออกจากจักรวาล MCU หลังไม่มีชื่อเล่นในเรื่องนี้
  • หนัง Kingsman ภาคแรกทำให้ทีมงานต้องเปลี่ยนแปลงบทหนัง