Batman Begins (2005)

นักล่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ

Batman Begins Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

ปฐมบทของอัศวินรัตติกาลครั้งใหม่ ที่พาเราไปสู่จุดกำเนิด Batman อีกครั้ง ในโทนที่จริงจังสุดดาร์ค พร้อมกับงานที่ใส่ใจรายละเอียดแบบสุดๆ

หมวดหมู่ : Action Adventure
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Christopher Nolan
ความยาว : 2 ชั่วโมง 20 นาที
นักแสดงนำ : Christian Bale, Michael Caine, Ken Watanabe

คำคมจากภาพยนตร์

“It’s not who you are underneath, it’s what you do that defines you.”
“มันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายใต้หน้ากากหรอก แต่เป็นการกระทำต่างหากที่เป็นสิ่งกำหนดตัวคุณ”

เรื่องย่อ

บรูซ เวย์น ลูกชายของมหาเศรษฐีตระกูลเวย์น ที่มีปมในอดีต จากการที่พ่อ แม่ ของเขาถูกสังหารโดยโจรที่ต้องการปล้นพวกเขาในวัยเด็ก เขาเติบโตขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ และหวังที่จะฆ่าบุคคลที่ฆ่าพ่อ แม่เขาให้ได้ แต่ก็โดนตัดหน้าไปเสียก่อน ในระหว่างที่เขาเคว้งคว้างนั้น เขาก็ตัดสินใจออกเดินทาง เพื่อค้นหาตัวเอง และเข้าใจสภาพจิตใจของอาชญากรได้มากขึ้น จนได้เข้าร่วมกับ สหพันธ์แห่งเงา เพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ และได้กลับมาสู่เมืองกอตแธมอีกครั้ง ท่ามกลางสังคมอันเลวร้าย เขาจึงตัดสินใจเป็น Batman เพื่อผดุงความยุติธรรม

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Batman Begins นั้น เหมาะกับคนที่ชอบดูหนังฮีโร่ที่เน้นรายละเอียดจิตใจตัวละคร และรับได้กับการเล่าแบบค่อยเป็นค่อยไป ที่จะพาเราไปรู้จักที่มาที่ไปของตัวละคร Batman ได้เป็นอย่างดี ทั้งปมในวัยเด็ก และในช่วงที่เขาเติบโตขึ้นมา ไปจนถึงในตอนที่เขากลายเป็น Batman ไปแล้ว หนังก็ใส่เนื้อหาในส่วนนี้มาดีมากๆ จนแม้ว่าจะไม่ค่อยมีฉากแอคชั่นสักเท่าไร แต่หนังก็ยังคงความเข้มข้นเอาไว้ได้ ใครที่ชอบหนังฮีโร่ที่หม่นๆ จากค่าย DC หรือชอบงานฮีโร่ของโนแลนอย่าง The Dark Knight และ The Dark Knight Rises กันแล้ว ก็อย่าลืมดูภาคแรกนี้กันด้วย

  • สายหนังแอคชั่นฮีโร่
  • สายหนังฮีโร่ค่ายดีซี
  • สายหนังฮีโร่สุดดาร์ค

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นับเป็นการสร้างปฐมบทอีกครั้ง ให้กับอัศวินแห่งรัตติกาลอย่าง Batrman ที่คราวนี้ได้มาอยู่ในมือของผู้กำกับที่มากวิสัยทัศน์และมีผลงานล้ำๆ มาก่อนหน้ามากมายอย่าง Christopher Nolan ที่จะพาเราไปสำรวจที่มาที่ไปของฮีโร่คนนี้กันอย่างจริงจัง ตั้งแต่ในช่วงวัยเด็กที่เผชิญกับปมที่พ่อ แม่ เสีัยชีวิตจากโจร และฝังใจมาโดยตลอด ไปจนถึงในการออกเดินทางเพื่อตามหาจิตวิญญาณของตัวเอง และการเข้าถึงเข้าใจของเหล่าอาชญากร ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นฮีโร่อย่าง Batman ซึ่งก็ต้องชื่นชมว่ามันเป็นหนังภาคต้นที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากๆ ทั้งการใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ที่ทำให้เราสามารถเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้น ก่อนที่จะนำไปสู่ความพีคสุดๆ ในภาคต่อไป

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อข้อดีมันคือการปูเรื่องที่ละเอียดละออ และเน้นพาร์ทดราม่าเป็นจำนวนมาก มันก็เลยกลายมาเป็นข้อเสียได้เหมือนกันสำหรับคนที่ดูอยากเห็นฉากแอคชั่น หรือเร่งรีบที่อยากให้เรื่องเคลื่อนไปอย่างเร็ว แต่หนังเองกลับค่อยๆ เล่า ค่อยเป็นค่อยไปสุดๆ จนหลายคนอาจจะเบื่อเอาได้เสียก่อน แต่สำหรับคนที่รักในผลงานของเสด็จพ่อ โนแลน อยู่แล้ว น่าจะคุ้นเคยกับจังหวะการเล่าเรื่องประมาณนี้เป็นอย่างดี เพราะในระหว่างที่เล่า มันก็มีประเด็นต่างๆ และอะไรให้เราได้ฉุกคิดอยู่ตลอดเวลา ถึงบทบาทและหน้าที่ในการเป็นศาลเตี้ย ที่ดูจะขัดแย้งกับในส่วนของกฏหมายที่มีอยู่ รวมถึงการลุกขึ้นมาใหม่ของตัวละครแม้ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคมากขนาดไหนก็ตาม

ในแง่ของดาราก็เรียกได้ว่าตาถึงมากๆ ที่หยิบเอา Christian Bale มารับบทของ Batman ที่ออกมามาดเข้มถึงใจดีมากๆ และเล่นได้อย่างสมบูรณ์ทั้งในส่วนของการเป็น บรูซ เวย์น และการเป็น Batman ไปในเวลาเดียวกัน ในส่วนของทีมเขาอย่าง พ่อบ้าน Michael Caine หรือนักประดิษฐ์อย่าง Morgan Freeman ก็ช่วยเสริมบทให้กับ Batman ได้อย่างน่าประทับใจ อีกทั้งหนังยังมีในส่วนของพาร์ทตัวร้ายรอง และตัวร้ายหลัก ที่ทำออกมาได้น่าสนใจ มีมิติของตัวร้ายดีอยู่ไม่น้อย จนทำให้ Batman ในเวอร์ชั่นนี้ จึงออกมาเป็น Batman ในเวอร์ชั่นที่มีความเป็นมนุษย์ และพาเราไปสำรวจถึงสภาพจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี จนทำให้การเล่าเรื่องของหนังมีน้ำหนักขึ้นเป็นอย่างมาก

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • แม้ว่าดาราอย่าง Christian Bale จะแสดงฉากสตันท์เองทั้งหมด แต่เขากลับไม่ได้ให้เข้าไปใกล้ Batmobile แต่อย่างใด (สงสัยกลัวมือบอนแน่ๆ)
  • อุปกรณ์ของ Batman ต่างๆ ในเรื่อง รวมถึงผ้าคลุม และชุดต่างๆ นั้น ได้รับการออกแบบมาจากเทคโนโลยีทางการทหารที่มีอยู่จริง
  • ก่อนที่จะถ่ายทำ Christopher Nolan ได้เอาทีมงานทั้งหมดมานั่งดู Blade Runner ฉบับปี 1982 ด้วยกัน และหลังจากหนังจบนั้น เขาก็กล่าวว่า “นี่แหละคือแนวทางที่เราจะทำ Batman กัน”