Bodies Bodies Bodies (2022)

เพื่อนซี้ ปาร์ตี้ หนีตาย

Bodies Bodies Bodies Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

สนุกสนานบทหนังประชดประชันวัยรุ่นยุคติ๊กต๊อกที่โอ้อวดพร้อมจะหักหลังทรยศทิ่มแทงกันตลอดเวลาเป็นงานไล่ฆ่าไล่เชือดที่เหมาะกับโลกยุคนี้จริงๆ

หมวดหมู่ : Horror Mystery
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Halina Reijn
ความยาว : 1 ชั่วโมง 35 นาที
นักแสดงนำ : Amandla Stenberg, Rachel Sennott, Chase Sui Wonders

คำคมจากภาพยนตร์

"So If You Could Just Like Not Escalate The Situation, That'd Be Great."
"ถ้าคุณทำได้เพียงแค่ไม่สร้างสถานการณ์ให้บานปลาย ก็คงจะดี"

เรื่องย่อ

กลุ่มเพื่อนรัก 7 คนจัดปาร์ตี้ในคฤหาสน์หลังใหญ่นอกเมือง ตัวตั้งตัวตีครั้งนี้คือ โซฟี ซึ่งกำลังเลิกเหล้า และตั้งใจพา บี แฟนสาวคนใหม่มาแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จัก เจ้าภาพอีกคนคือ หนุ่มโคตรรวยและโคตรกร่าง ทุกคนตัดสินใจชวนกันเล่นเกม ศพ ศพ ศพ เริ่มต้นด้วยการปิดไฟคฤหาสน์ทั้งหลัง กติกานั้นง่ายแสนง่าย ทุกคนจับสลากขึ้นมา คนที่เล่นบทฆาตกรต้องฆ่าเพื่อนในกลุ่มด้วยการแปะหลัง คนที่โดนแปะหลังต้องนอนตายเป็น ศพ และเพื่อนคนที่เหลือต้องตามหาฆาตกร ความสนุกชักเลยเถิด เหล้า ยา และความวิตกจริตของทุกคน ทำให้เกมสนุก ๆ กลายเป็นฉากฆาตกรรมสยองขวัญ บังเอิญว่าคืนนั้นพายุโหมกระหน่ำ สถานการณ์เหมือนทุกคนติดกับดัก พวกเขายังออกไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะรู้ว่าใครตบตาเพื่อน ๆ ได้เนียนที่สุด และเป็นฆาตกรตัวจริง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Bodies Bodies Bodies เป็นหนังที่เหมาะกับคนดูในสไตล์ Slasher ไล่ฆ่าไล่เชือดผสมผสานกับงานสไตล์ Whodunit หาตัวคนร้ายฆาตกร ภายใต้กรอบจำกัด 1 โลเคชั่นที่นำเสนอได้สนุกลุ้นระทึกดี หนังเองก็มีกลิ่นอายแบบ Scream แต่มาสไตล์แบบเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ออกแนวเสียดสีประชดประชันสังคมยุคนี้ ที่เต็มไปด้วยการคบกันที่เปลือก ภาพลักษณ์ภายนอก และเรื่องที่ฉาบฉวย ที่คนเรามักจะให้ความสนใจกับวัตถุนิยมหรือสิ่งที่มองเห็นกันภายนอกมากกว่าตัวตนและนิสัยกันจริงๆ ซึ่งทุกคนก็เต็มไปด้วยการปั่นหัวและ manipulate กันเอง ที่ทุกคนก็ยังมีความคิดแบบวัยรุ่น วัยคึกคะนองกันอยู่ จุดเด่นของหนังคือการวางโครงเรื่องที่หักมุม สร้างแรงจูงใจให้น่าเชื่อถือ พาคนดูไปสำรวจหาแจูงใจคนร้าย หนังพลิกแพลงเรื่องราวไปได้แบบคาดไม่ถึง

  • สายหนังฆาตกรโรคจิต
  • สายหนังระทึกขวัญไล่เชือด

 

รีวิว / สรุปเนื้อหา

สิ่งที่ทำให้หนังน่าสนใจคือหนังหยิบจับประเด็นของเด็กเจนปัจจุบันและตีความออกมาเป็นหนังไล่ฆ่าไล่เชือดได้น่าสนใจ เด็กสาวสมัยนี้มีโทรศัพท์เป็นอาวุธในการสร้างกระแสสร้างภาพ แถมแพลตฟอร์ตมีอิทธิพลกับคนยุคนี้ แน่นอนว่าเหมือนเป็นการประชดประชันพวกหิวแสงก็ว่าได้ พฤติกรรมของเด็กยุคนี้ทำยังไงก็ได้ขอแค่ได้ยอดไลค์เยอะๆ เรียกคนมาดูก็เพียงพอแล้ว มันกลายเป็นความคึกคะนอง อีกด้านหนึ่งก็ได้เห็นถึงมิตรภาพมิตรแท้ที่ก็ไม่ได้ดูมีความจริงใจกันจริงๆ เราจึงได้เห็นภาพของตัวละครที่กร่างไม่แคร์ใครคิดว่าตัวเองถูกเสมอ จริตมารยาผู้หญิงน่ากลัวโดยเฉพาะกับคนยุคนี้ที่สร้างความแตกหักกันง่าย พอไดอาล็อคเป็นอารมณ์ผู้หญิงภาพของหนังมันสนุกทำออกมาได้หักมุม การสร้างพล็อตเรื่องมีความฉูดฉาด ขับเคลื่อนจังหวะหนังผ่านสีหน้าแววตาอารมณ์ของตัวละคร ทำให้เราได้ลุ้นระทึกตลอดเวลา

บทหนังที่ดึงอารมณ์คนดูได้อยู่หมัดอีกสิ่งหนึ่งคือ การที่โครงเรื่องวางให้เป็นแนวคดีฆาตกรรมแบบห้องปิดตาย มันทำให้เราได้จดจ่อกับเรื่องราว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะมีคนนอกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง คนร้ายคนที่ฆ่าเพื่อน คือกลุ่มเด็กสาวที่ไปปาร์ตี้กันนั้นแหละ จากความคิดแบบเล่นสนุกกลับกลายเป็นการไล่เชือดไล่ฆ่ากัน หนังเองนอกจากทำให้ผู้คนได้ลุ้นกับการไล่ล่าหาตัวฆาตกรแล้วอีกมุมหนึ่งก็ทำให้คนดูได้เข้าไปสำรวจแรงจูงใจว่าอะไรคือสาเหตุที่คนร้ายเลือกลงมือฆ่าเพื่อนในงานปาร์ตี้ครั้งนี้ บทหนังเหมือนพาคนไปสำรวจมุมองธาตุแท้ของเด็กยุคนี้มันน่ากลัว ทุกคนสร้างภาพเพื่อให้ได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่งในสังคม หรือการต้องมีความรักเพื่อจะได้รู้สึกไม่อายที่ไม่มีแฟน ซึ่งหนังเองก็นำเสนอออกมาเห็นภาพที่ชัดเจนและเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว กลายเป็นหนังที่สับแหลกวัยรุ่นเจนปัจจุบันไปเต็มๆ เพราะทุกตัวละครเองก็พร้อมจะหักหลังทรยศข่มเหงอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ

ส่วนอื่นๆของหนังที่ชอบมากคือซาวด์ประกอบเพลงที่มาบิ้วอัพหนังสร้างอารมณ์ได้มาก หรือจะเป็นมูดแอนด์โทนหนังเองก็ไม่ได้หลุดกรอบคนดู ภาพแสงสีเสียงก็จัดจ้าน ในขณะเดียวกันหนังเองก็มีวิธีการเล่าและชุดข้อมูลใหม่ที่ค่อย ๆ อัปเดตไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง ทำให้ตัวละครทุกตัวล้วนมีสิทธิ์เป็นฆาตกรตัวจริงได้ด้วยกันทั้งนั้น และเป็นอะไรที่ยากเกินจะคาดเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงตรงไหน ที่สำคัญคือกลุ่มนักแสดงเด็กสาวแม้ว่าหลายๆคนจะหน้าใหม่ประคับประคองเรื่องราวได้ตลอดรอดฝั่งซื้อคนดูได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็น Amandla Stenberg, Maria Bakalova, Myha’la Herrold และ Chase Sui Wonders

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • นี่คือหนังอเมริกันเรื่องแรกของผู้กำกับ Halina Reijn
  • บทหนังใช้เวลาทำนาน 3 ปี
  • หนังได้แรงบันดาลใจมาจากนิยาย Agatha Christie เรื่อง And Then There Were None