Happy Death Day (2017)
สุขสันต์วันตาย
คะแนน
โกดังหนัง
หยิบเอาพล็อตวนลูปมาใช้กับหนัง Slasher ไล่ฆ่าได้อย่างหรรษา ฮาไปกับเรื่องราวตลกร้ายวายป่วง และหวีดไปในทุกการตาย
คำคมจากภาพยนตร์
“Stop trying to be someone you’re not. Love is love, right?” “อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่เราไม่ใช่เลย ความรักมันก็คือความรักแหละ เนอะ?”
เรื่องย่อ
ทรี สาวมหาลัยที่ใช้ชีวิตแบบสาวมหาลัยสุดฮอททั่วไป ที่ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ เน้นเที่ยวเมาหัวราน้ำมากกว่าที่จะเข้าเรียน จนกระทั่งในวันเกิดของเธอที่เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็พบกับชายหนุ่มที่เธอจำชื่อไม่ได้ หลังจากการเมาอย่างหนักหน่วง เธอจึงพาร่างที่ยังไม่สร่างเมากลับมาที่ห้องพัก และเตรียมออกมาปาร์ตี้ต่อในคืนนั้น แต่ในระหว่างทาง เธอกลับโดนฆาตกรสวมหน้ากากมาสคอตของโรงเรียนฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม แต่แล้วเธอก็ตื่นขึ้นมาในวันเกิดของเธออีกครั้ง แล้วก็ตายอีก เมื่อตื่นอีกรอบเธอจึงต้องออกตามหาความจริง และเอาชีวิตรอดไปให้พ้นวันให้ได้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Happy Death Day นั้น เหมาะสำหรับคนที่กำลังเบื่อหนังไล่ฆ่าแบบเดิมๆ ที่โยนวัยรุ่นเข้ามาเป็นเหยื่อให้ฆาตกรโรคจิตใส่หน้ากากไล่เชือดอยู่เรื่อยไป แต่เรื่องนี้ก็โยนเอาพล็อตลูปเวลาเข้ามาผสม จนยกระดับให้หนังไล่ฆ่าแบบเดิมๆ นั้นดูมีอะไรและชวนติดตามมากขึ้น อีกทั้งตัวบทที่ผสมหลากหลายแนวก็ออกมากลมกล่อมดีด้วย หนังจึงเหมาะอย่างมากกับคนที่ชอบหนังขายไอเดียจากค่าย Blumhouse ไม่ต่างจาก Get Out, Hush พวกนี้เลย
- สายหนังฆาตกรไล่เชือด
- สายหนังระทึกพล็อตเจ๋ง
- สายหนังวนลูป
รีวิว / สรุปเนื้อหา
เป็นที่รู้กันว่าค่าย Blumhouse คือค่ายหนังสยองขวัญทุนต่ำ ที่มีจุดเด่นในการขนเอาไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ มาขายในหนังของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักถูกใจผู้คนเป็นอย่างมาก จนฟาดรายได้โอเวอร์กำไรไปแบบสบายๆ อย่างเรื่องนี้ก็เช่นกัน ที่ใช้ต้นทุนแค่เพียง 4.8 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่กลับทำรายได้ไปถึง 125 ล้านเหรียญทั่วโลกแบบสบายๆ ด้วยความที่หนังเอาพล็อตวนลูปแบบใน Groundhog Day มาใช้ จากนั้นก็โยนฆาตกรใส่หน้ากากในยุค 90s ลงไปสักตัว ผลที่ได้ก็คือความวายป่วงของชีวิตตัวละคร ที่วนตื่นขึ้นมาให้ฆาตกรตามฆ่าอยู่ทุกวัน จนต้องหาวิธีออกไปจากลูปนรกนี้ให้ได้
ที่ว่าหนังพล็อตเหมือน Goundhog Day นั้น ไม่ใช่แค่การเอาเรื่องการวนลูปมาใช้ แต่ยังรวมไปถึง ในพาร์ทของการ Development ตัวละครด้วย จากคาแรคเตอร์ของตัวละครตอนเริ่มที่เป็นพวกใช้ชีวิตไปวันๆ และไม่แคร์สังคม คนรอบข้าง จนกระทั่งเริ่มสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นมากขึ้น ด้วยการออกแบบคาแรคเตอร์ในแบบที่เชื่อมโยงกับคนดูได้ง่าย ในแง่ความเป็นมนุษย์ที่มีข้อดีข้อเสียในตัวเอง และใช้ชีวิตไม่ต่างจากชีวิตวัยรุ่นทั่วไปนัก เลยทำให้ ทรี กลายเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่าย และสร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่นิสัยที่สุดแสบ ไปจนถึงไหวพริบและการเอาตัวรอดของเธอก็มีเยอะจนไม่รู้สึกหงุดหงิดจากเหตุตัวละครโง่แต่อย่างใด
ในพาร์ทความโหดหนังก็มีดีอยู่ในประมาณหนึ่ง สาเหตุหนึ่งเพราะหนังเลือกที่จะใช้เรท PG-13 แทนที่จะเป็นเรท R เลยทำให้ฉากไล่ฆ่าอาจไม่ได้เลือดสาดกระจาย หรือฆ่ากันแบบโหดอำมหิตเท่าไรนัก แต่กลับเป็นจุดที่กำลังพอดีๆ ที่คอหนังสายปกติก็สามารถดูได้โดยไม่ต้องเบือนหน้าหนี ซึ่งนอกจากในพาร์ทตลก หรือตื่นเต้นชวนระทึกแล้ว หนังก็ยังมีข้อดีที่มากกว่านั้น ในแง่ของการใส่พาร์ทดราม่าที่ชวนอบอุ่นเข้ามาได้อย่างลงตัว เลยทำให้ทุนต่ำนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรกับหนังเลย ตราบใดที่หนังยังมีเรื่องราวดีๆ และความบันเทิงที่ครบรสมามอบให้กับคนดูได้อย่างน่าชื่นชม
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หน้ากาก Baby Killer ที่เป็นมาสคอตของมหาวิทยาลัย Bayfield ในหนังนั้น ได้รับการออกแบบจาก Tony Gardner ที่เป็นคนออกแบบ Ghostface ที่โด่งดังจากหนังชุด Scream
- ผู้กำกับ Christopher Landon เอาหน้ากาก Baby Killer ในหลายๆ รูปแบบไปใส่ในออฟฟิศแล้วแกล้งพนักงานแล้วดูปฏิกิริยา เพื่อวิเคราะห์ว่าอันไหนเหมาะสมที่เอามาใช้กับหนังที่สุด