Black Panther: Wakanda Forever (2022)

วาคานด้าจงเจริญ

Black Panther: Wakanda Forever Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

เต็มเติมความรู้สึกสนุก มันกลายเป็นมากกว่าหนังฮีโร่ไปแล้ว เนื้อหาลึกซึ้งกินใจ ไม่น่าเชื่อว่าความเศร้าเปลี่ยนเป็นพลังทำให้งานมีคุณภาพ Tribute Chadwick ได้อย่างยิ่งใหญ่ สานต่อเรื่องราว Black Panther ได้กลมกล่อม

หมวดหมู่ : Action Hero
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Ryan Coogler
ความยาว : 2 ชั่วโมง 41 นาที
นักแสดงนำ : Letitia Wright, Tenoch Huerta, Angela Bassett, Dominique Thorne

คำคมจากภาพยนตร์

“He was King. Black Panther to everyone but to me…he was everything.”
“เขาเป็นมากกว่า Black Panther สำหรับทุกคนยกเว้นฉัน เขาคือทุกสิ่ง”

เรื่องย่อ

จากสูญเสีย T’Challa ทำให้ผู้คนชาว Wakanda ไม่ทันตั้งตัว ราชินี Ramonda, Shuri, M'Baku และ Dora Milaje จะต้องร่วมต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของพวกเขาจากการแทรกแซงทางอำนาจจากนานาชาติ ที่หวังฉวยโอกาสมาช่วงชิงไวเบรเนี่ยม เหล่านักรบทหารของประเทศจึงต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องประเทศ

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Black Panther 2 จัดเป็นหนังฮีโร่ที่เหมาะกับผู้ชมทุกเพศทุกวัย เป็นหนังที่น่าจะดีที่สุดในเฟส 4 ของ Marvel ไม่ได้เล่นท่ายาก บทหนังนำเสนอได้ลึกซึ้ง คอหนังฮีโร่ทั้งหลายจะได้เต็มอิ่มจุใจกับการนำเสนอแง่มุมที่เจ็บปวดเศร้าหม่องแล้วก็พีคทยานไปอีกระดับ หนังพาเราไปสำรวจเรื่องราวในอาณาจักร Wakanda เหมาะสำหรับแฟนๆ Marvel Cinenmatic ตัวจริงกันอย่างแน่นอน

  • สายหนัง Marvel
  • สายหนังฮีโร่
  • สายหนังไซไฟ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

การจากไปของ Chadwick Boseman อาจทำให้ทุกคนมากมายสูญเสียเจ็บปวด แต่สิ่งที่หนังสื่อสารออกมากลับทำให้เรารู้สึกว่า บทหนังและทีมงานชุดนี้แข็งแกร่งพวกเขาเลือกจะไม่ฝืนความจริงและทำพล็อตเรื่องให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างไหลลื่น พาผู้ชมไปสำรวจการสูญเสียฝ่าบาท T’Challa ผ่านตัวละครอย่าง Shuri และเจ้าหญิง ราชินีรามอนดา ซึ่งทำให้เราได้เข้าใจอารมณ์ของตัวละครหลัก 2 คนที่มีชีวิตเกี่ยวกับกับ Black Panther คนก่อนลึกซึ้งกินใจ หนังเล่าเรื่องไม่ยืดเยื้อภายใต้กรอบเวลาแตะหลัก 3 ชั่วโมง ที่มีการเกริ่นหัวที่น่าสนใจ เปิดพื้นที่ให้ตัวละครได้ Tribute อุทิศการจากไปของ Chadwick จนหอมปากหอมคอแล้ว ว่ากันว่าจุดหนึ่งที่ทำให้หนังดูดีมากกว่าหนังเรื่องอื่นใน เฟส 4 คือหนังไม่ค่อยไปเตะประเด็นที่ไร้สาระ เนื้อหามันเลยเป็นมากกว่าหนังฮีโร่ทั่วไปที่เข้าอกเข้าใจการสูญเสียปล่อยวางเดินหน้าไปอย่างที่ควรจะเป็น จากนั้นก็ค่อยๆ เติมเต็มพล็อตเรื่องใหม่ๆให้คนดูได้รู้สึกสนุกตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นหรือการมาของวายร้ายคนใหม่ที่มาจากใต้น้ำที่น่ากลัวมีพลังทำลายล้างมหาศาล ชอบที่หนังไม่ได้เล่าแบบหน้าเดียวที่หลายๆคนคิดว่าคนเปิดตัว Black Panther คนใหม่เร็วๆ แต่ที่ไหนได้ หนังกลับเปิดพื้นที่ให้ตัวละครใหม่ได้แสดงศักยภาพในหนังได้แบบเต็มที่ ทั้ง Ironheart หรือ Namor ซึ่งทำออกมาได้มีมิติมาก

ภาคนี้หนังเล่าในมุมของพลังของผู้หญิงการต่อสู้ของพวกเขา เราจึงได้เห็นพลังการแสดงของดาราชั้นนำที่ทุกคนแสดงออกมาได้ดีทรงพลังมากๆ แน่นอนว่าอาจมีข้อกังขาว่าขายความเป็นสตรีนิยมหรือเปล่า แต่ถ้าสังเกตุดูดีๆเราจะพบว่า Black Panther ภาคแรกก็พูดถึงความเท่าเทียมทางสังคมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราจึงได้เห็นคนข้างกาย Chadwick เต็มไปด้วยผู้หญิงที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่มาตลอด เราว่าพลังของผู้หญิงมีอิทธิพลต่อหนังภาคนี้มาก พวกเธอแข็งแกร่งต่อสู้ปกป้องประเทศชาติได้ดีไม่แพ้ผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ บทหนังขับเคลื่อนด้วยพลังของผู้หญิงทำออกมาได้ทรงพลัง ทุกตัวละครเองก็ได้แบกรับความสูญเสีย แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เปลี่ยนเป็นพลังที่ทำให้เราได้ชมงานคุณภาพออกมา สิ่งที่หนังบอกก็คือคนเราควรรู้จักปล่อยวางให้อภัยไม่ควรไปแย่งชิงสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองมาเป็นของเรา หนังจึงมีความเทาๆของตัวละครอยู่พอสมควร การแสดงของดาราหญิงทุกคนในเรื่องทำออกมาได้น่าประทับใจ มันเลยให้เราได้สัมผัสฉากแอ็คชั่นที่ดี ผสมผสานกับพาร์ทดราม่าที่มีคุณภาพ จาก Letitia Wright ที่พลิกบทบาทจากสาวน้อยนักวิทยาศาสตร์ผู้ซุกซนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่, Angela Bassett ที่เรื่องนี้ปล่อยอินเนอร์การแสดงออกมาเต็มที่, Danai Gurira as Okoye ทหารหญิงที่แข็งแกร่งทางกายและใจ , Lupita Nyong’o มีทักษะการแสดงที่พัฒนาขึ้นกว่าเดิม และที่ขาดไม่ได้คือ Tenoch Huerta ที่มาเติมเต็มให้หนังเรื่องนี้สนุกขึ้นมาทันที

บทหนังและตัวละครไปมาทิศทางเดียวกันสิ่งที่ตามมาคือองค์ประกอบหนังงานภาพทำออกมาได้แบบพิถีพิถัน เราชอบที่หนังใส่ใจรายละเอียดตรงนี้มากๆ และดูเหมือนว่า Ryan Coogler ผู้กำกับไม่ได้เน้นขายว่าหนังเน้นพลังหญิงหรือการจากไปของ Chadwick แต่เทคนิคการเล่าเรื่องของหนังมันดีกว่าหนัง MCU เรื่องอื่นๆในเฟส 4 มากๆ เราได้สัมผัสงานภาพที่สวยงาม CGI ที่พัฒนามากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ เราประทับใจงานภาพฉากใต้น้ำของเมืองทาโลคาน โอเคละนี่คือเมืองสมมุติในหนัง และสิ่งที่ทำออกมามันแบบเจ๋งมากๆ ดูยังไงก็ไม่หลอกตาคน แถมทำให้คนดูได้ไปสัมผัสแก่นแท้ของตัวละครในฝั่งของ Namor อีก เรายอมรับว่า การลำดับภาพการตัดต่อการเรียงเรื่องราวทั้งหมดของหนัง กล้าพูดเลยว่า Black Panther เป็นหนัง MCU ที่กล้านำเสนอความแปลกใหม่ มันเลยทำให้คนดูอย่างเราได้สัมผัสแง่มุมหลากหลายประเด็นของประเทศ Wakanda ทั้งประเด็นความเชื่อ วัฒนธรรม ความสูญเสีย ทำให้คนดูทั่วไปเข้าใจง่าย ไม่ต้องเล่นยากทำหนังให้ซับซ้อน คนดูที่อินไปกับหนังก็ยิ้มเสียน้ำตาได้ ตื่นเต้นไปกับเรื่องราวที่รออยู่ตรงหน้า ซาวด์ประกอบก็ทำเอาขนลุกไปทันที และเชื่อว่าเมื่อดูจบทุกๆคนจะพร้อมกล่าวคำอำลา จาก Chadwick ทันที

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Daniel Kaluuya ไม่ได้กลับมาแสดงหนังภาคนี้ เพราะติดถ่ายทำหนังเรื่อง Nope
  • Tenoch Huerta เจ้าของบท Namor ยอมโกหก Marvel ว่าว่ายน้ำเป็นเพื่อจะได้แสดงหนังเรื่องนี้
  • Letitia Wright ประสบอุบัติเหตุในการถ่ายทำ ทำให้หนังต้องถ่ายซ่อม
  • Ryan Coogler เกือบถอนตัวออกจากวงการภาพยนตร์ หลังการจากไปแบบไม่มีวันกลับของ Chadwick Boseman
  • ก่อนถ่ายทำหนังเรื่องนี้ Ryan Coogler พาทุกคนไปเยี่ยมหลุมฝังศพของ Chadwick Boseman
  • Kevin Feige ประธาน Marvel ปฏิเสธที่จะหา Black Panther คนใหม่
  • น้องชาย Chadwick Boseman ไม่ค่อยปลื้มที่ Marvel ตัดบทพี่ชายตัวเองออกดื้อ