App War (2018)

แอปชนแอป

App War Poster
7/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังไทยที่มาก่อนกาลสะท้อนทัศนคติวัยรุ่นไทยยุคนี้ไปเต็มๆ ทำตามความฝันเป็นเจ้าของธุรกิจไม่มีคำว่าง่าย หากต้องการรับชมหนังไทยดีๆสักเรื่อง เรื่องนี้สอบผ่านแบบไม่ต้องสงสัย ไอเดียแหวกแนวแบบที่ไม่มีใครทำมาก่อน

หมวดหมู่ : Drama
สัญชาติ : Thai
กำกับโดย : Yanyong Kuruaungkoul
ความยาว : 2 ชั่วโมง 10 นาที
นักแสดงนำ : Nat Kitcharit, Sirat Intarachote, Warisara Yu

คำคมจากภาพยนตร์

“มันไม่มีเหล้าที่เข้มเกินไป มันมีแต่หัวใจที่อ่อนแอ”

เรื่องย่อ

บอมบ์ กับ จูน สองหัวหน้าทีมทำแอปหน้าใหม่ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการประกวด Startup เวทีไหนมาก่อนเลย วันหนึ่งพวกเขาได้เจอกันโดยบังเอิญ เมื่อได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นก็พบว่าต่างคนต่างก็ชอบอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน จนคุยกันถูกคอ และเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ขึ้น ค่ำคืนนั้นทำให้บอมบ์ได้แรงบันดาลใจและปิ๊งไอเดียแอป แอปหนึ่งขึ้นมา แต่หลังจากเปิดตัวแอปได้ไม่นาน ก็มีอีกแอปหนึ่งเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งไอเดียและคอนเซปต์ของแอปคล้ายของเขาจนแทบจะเรียกได้ว่า “ก๊อบ” กันออกมาทีเดียว และเมื่อสืบถึงตัวเจ้าของแอป ก็พบว่า แอปนั้นเป็นของ จูน พวกเขาเลยส่งสปายมาสืบหาความลับอีกฝ่ายและต้องการจะเอาชนะอีกฝั่งให้ได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ตอนที่หนังเรื่องนี้ออกมาใหม่ๆ ยอมรับว่าไอเดียความคิดสร้างสรรค์ทำได้ดีเหมาะกับยุคสมัยที่ผู้คนยุคใหม่ มองหาความก้าวหน้ากับการทำธุรกิจ Start Up มันคือเสี่ยงที่ดูน่าลิ้มลอง ไม่มีใครอยากเป็นพนักงานประจำโดนกดขี่ไปตลอด ทุกๆคนก็มีฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ระยะทางนี่คือสิ่งสำคัญ เพราะความเสี่ยงมีมากกว่าความสำเร็จๆ บางคนมองว่าโคตรเท่ห์ แต่ระหว่างทางล้มหายตายจากไปหลายบริษัท การตีโจทย์ทำหนังแบบนี้ถือว่าเหมาะสมกับสังคมไทย ที่พูดคุยอยากร่ำรวยอยากสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ มากกว่าขายของแบบเดิมๆของกิน ของหวาน อาหารเสริมความงาม ในยุคที่โลกไปไกล อินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย เข้าถึงแทบทุกคน แอปพลิเคชันกลายเป็นเครื่องมือทำมาให้กินของวัยรุ่นยุคนี้ หน้าหนังอาจไม่ถูกใจคนทั่วไป แต่หนังกลับเป็นเรื่องใกล้ตัวหนุ่มสาวยุคนี้ที่ชอบแข่งขันแย่งชิง ชิงดีชิงเด่นกันด้านไอเดีย บรัฟกัน ใส่ความรู้สึกอยากชนะ อิจฉากันไปมา หนังเลยมีความจัดจ้าน

หนังสอดรับกับเนื้อหาโลกยุคใหม่ได้โคตรดี โลกยุคต่อไปโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจริงๆคือกลุ่มคนที่กล้าแสว่งหาคิดค้นสิ่งใหม่ๆไม่ได้มีพื้นที่ให้คนตามกระแสอยู่ไปวันๆลอกงานคนอื่นเหมือนสังคมบ้างประเทศ คนที่ทำงานออกแบบไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ศิลปะน่าจะเข้าใจจุดนี้ หนังที่เหมาะกับคนไทยแต่ไม่ใข่ทุกคน เนื้อหาผสมผสานความดราม่าความรักความโรแมนติกที่เต็มไปด้วยการห่ำหั่นหักหลังทรยศลอกเลียนแบบ สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่พบเจอและทำกันประจำจนชินตา บางครั้งเราก็แยกไม่ออกเหมือนกันและปล่อยให้มันเป็นเรื่องที่เราแกล้งมองไม่เห็น พระเอกนางเอกคิดแล้วจะเอาไงดีละที่นี่คิดเหมือนกันไอเดียก็คล้ายกันอีก เมื่ออยากชนะก็คิดหาทางใช้วิธีสกปรกเพื่อเป็นแต้มต่อเหนืออีกฝ่าย ชำแหละพฤติกรรมตัวละครและความเห็นแก่ตัวออกมาได้ชัดเจนในช่วงโค้งสุดท้าย แถมหนังบาลานซ์เหนือหาได้ดีมุกตลกมาถูกจังหวะเลยทำให้เนื้อหาไม่ได้ซีเรียสเลยสักนิด

ส่วนกลุ่มนักแสดงนำในเวลานั้นพี่เสือ ยรรยง ก็กล้าหาญมากที่ลองหยิบจับวัยรุ่นหนุ่มสาวที่โด่งดังมาจากงานโฆษณานายแบบนางแบบพระเอกเอ็มวี มาลองแสดงหนังใหญ่เต็มตัว แต่ละคนสื่อสารสีหน้าแววตาออกมาได้ดี ไม่ได้แข็งทื่อเลยแทบทั้งหมดสอบผ่าน ณัฏฐ์ กิจจริต พระเอกของเรื่องที่มาในลุคเซอร์โปรแกรมเมอร์ที่ต้องคิดไอเดีย และต้องรักษาระยะห่างเรื่องความรัก แยกให้ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว นี่คือบทบาทที่พลิกชีวิตณัฏฐ์ จากหนุ่มลุคคูลๆในเวลานั้น เขาพัฒนาทักษะการแสดงไปไกลหลายเท่าจนเวลานี้กลายพระเอกแถวหน้า ส่วน จิงจิง แม้ว่าจะเป็นนางแบบ แต่เมื่อมาประกบคู่กับนัท เธอกลายเป็นสาว Active ต่อสู้เพื่อชัยชนะ และไม่ต้องการกลับไปขอเงินที่บ้านอีก น่าเสียดายเหมือนกันนะที่เธอ งัดสกิลการแสดงที่มีแต่เรายังไม่เคยผลงานเธอแบบยาวๆเลยนับจากนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเธอมีดีในแง่การแสดงมาก, ทู สิราษฏร์ นักออกแบบที่ตัวแฝงตัวจริงๆแล้วเป็นตัวละครที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความลับความซับซ้อนในตัวเองซึ่งเล่นได้ไม่ง่าย แต่พระเอกสุดเซอร์ก็ทำออกมาได้ตามที่ผู้กำกับต้องการ หรือจะเป็นน้องอร แต่ทุกซีนมันพาคนดูให้จดจำในซีนอารมณ์ที่แสดงออกมาทางหน้าตา แววตา

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ณัฏฐ์ กิจจริต เกือบไม่ได้มาแสดงหนังเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะเขาขอไปเที่ยวมากกว่าจะมาแคสหนัง
  • ทู สิราษฎร์ มาแคสบทพระเอกนั้นคือบอมบ์ โปรแกรมเมอร์ แต่ดันมาได้บทไต๋ กราฟฟิกดีไซเนอร์แทน