Alice In Borderland 2 (2022)
อลิสในแดนมรณะ
คะแนน
โกดังหนัง
ฉากแอ็คชั่นโหดดุดัน อาจไม่หวือหวาเท่าซีซั่นแรก เน้นการสำรวจจิตใจตัวละครเป็นหลัก บรรยากาศเครียดมาก ให้เกียรติมังงะต้นฉบับ เป็นงาน Survival ที่แฟนๆไม่ควรพลาดจริงๆ
คำคมจากภาพยนตร์
“การใส่เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่สังคมกำหนด แต่ในทางชีวภาพมันไม่มีความจำเป็น การใช้ชีวิตตามธรรมชาติของเรา คือรูปแบบที่แท้จริงของมนุษย์ชาติ”
เรื่องย่อ
หลังจากที่อาริสุ และเหล่าผองเพื่อนอย่าง อุซางิ คุอินะ อัน และชิซึยะ ได้เคลียร์ไพ่ตัวเลขได้หมดแล้ว เรื่องราวต่อจากนี้จึงจะเป็นการเคลียร์เกมไพ่ แจ็ค แหม่ม คิง เพื่อเร่งไขปริศนาเรื่องราวในดินแดนมรณะให้ได้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Alice In Borderland 2 เป็นเสมือนภาพทีี่อยู่ขั้วตรงข้ามกับ Squid Game ที่ไม่ได้เน้นดราม่าความเหลื่อมล้ำต่อสู้เพื่อเงินรางวัลหรือปล่อยให้คนมาฆ่ากัน ตรงข้ามมันคือเกมที่ดิ้นรนเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่กดดันบีบขั้น เนื้อหาสะท้อนความเลวร้ายของคนด้วยกันเอง เห็นแก่ตัวเอาตัวรอด แม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก่อนหน้าก็ตาม คนที่ชอบนอกจากจะเป็นสาย Survival แล้วคงต้องชอบมังงะต้นฉบับหรืองานสายญี่ปุ่น เพราะพล็อตเรื่องเน้นฉากแอ็คชั่นมันเดือดสะใจมากทำให้เราอินไปกับเกม
- สายหนังพันธุ์โหด
- สายหนังญี่ปุ่น
- สายหนังดัดแปลงจากมังงะ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ถ้าหากใครไม่เคยดูซีซั่นแรกมาก่อนแนะนำว่าควรไปดูก่อนเลย เพราะเนื้อหาเชื่อมโยงเข้าหากันไม่อย่างนั้นอาจจะขาดความเข้าใจแน่ๆ ส่วนตัวค่อนข้างชอบสิ่งที่ผู้กำกับนำเสนอพยายามยึดโยงโครงเรื่องจากมังงะต้นฉบับลงไป พยายามให้เกียรติเนื้อหาเป็นหลัก ใจความสำคัญคือดิ้นรนเอาตัวรอด แน่นอนว่าฉากแอ็คชั่นคิวบู๊ฉากหนีตายของตัวละครคือหัวใจหลักของซีซั่นนี้ เราจึงได้เห็นฉากมันส์ๆที่เข้าขั้นโหดดิบเลือดสาด ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง มันเลยทำให้เราชอบเพราะรู้สึกว่าหวือหวามาก อะไรที่ไม่จำเป็นก็พยายามตัดออกมาไป ไม่ต้องพูดเยอะเน้นเนื้อหา แต่รู้สึกว่าเกมทำออกมาง่ายจนเกินไป เหมือนกับว่าไอเดียที่ใช้จริงๆมีน้อยมากและไปกับซีซั่นแรกหมดไปแล้ว ทำให้เกมในซีซั่น 2 แต่ละด่านผ่านง่ายเกินไป เหมือนจะหนักไปทางเน้นบทพูดบทดราม่า คำคมวลีเยอะๆแทน
นอกจากนี้เรารู้สึกว่าพล็อตเรื่องจริงๆสนุกแค่การเรื่องกับการเอาตัวของตัวละคร เน้นสำรวจจิตใจคน ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อหาเน้นที่พระเอกจริงๆ เราจึงได้เห็นมิตรแท้ เพื่อนจอมปลอม ตัวละครที่เสแสร้งในเรื่อง วัดใจตัวละครกันไปเลย ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงแรกพีคมาก แต่หลังจากนั้นคุณภาพดร็อปลงไป แล้วก็กลับมาสนุกในช่วงใกล้จบ คือถ้าเป็นคนเบื่อง่ายไม่ชอบความดราม่าจริงๆ อาจไม่ดูต่อ แต่อยากให้ดูกันยาวๆ เพราะช่วงท้ายมันมีความเครียดลุ้นระทึกจริงๆส่วนงานสร้างภาคนี้ค่อนข้างดีกว่าซีซั่นแรก งานภาพหรือการเรียบเรียงภาพทำออกมาสวยมาก ทำให้เราได้ลุ้นเข้าไปอยู่ในเกมจริงๆ ค่อนข้างชอบการปรากฏตัวของ Tomohisa Yamashita หรือ Yamapi คือไม่ได้หมายถึงฉากโป๊ แต่การแสดงและประเด็นที่สื่อสารออกไป ก็พูดเรื่องจริงในสังคมทั้งนั้น ขอไม่พูดมากไปกว่านี้เดี่ยวเข้าข่ายสปอยล์จ้า
มาถึงการแสดงของกลุ่มดารานำภาคนี้พัฒนาขึ้นเยอะ Kento Yamazaki พระเอกที่เติบโตขึ้นมีความรู้สึกนึกคิดมีความเจ็บปวดมีบาดแผล มีความอ่อนหัดในการตัดสินใจอ่อนต่อโลกทำให้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมาย แต่ที่ชอบมากคือ Asahina Aya สาวเซ็กซี่ที่ยังคงสวมบิกีนี่ฟ้าท่อนบนกับยีนส์รัดรูปกระชากใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคราวนี้เราจะได้เห็นน้องมากขึ้นและชวนหลงรักมาก ซีซั่นนี้ตัวละครผู้หญิงมีเสน่ห์น่ามองแทบทุกคนน่าประทับใจมากเล่นดีทั้งฉากดราม่าฉากแอ็คชั่นจนไม่กล้าละสายตาไปไหนเลยจริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Tomohisa Yamashita หรือ Yamapi ถ่ายฉากโป๊โดยไม่ได้ใช้ CGI
- Asahina Aya ชีวิตจริงเป็นสาวแท้ แต่ในเรื่องต้องรับบทเป็นสาวข้ามเพศ