เรื่องย่อ

จอห์น แบรนแนน ชายที่ชีวิตต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อ ลอร่า ภรรยาของเขาถูกกล่าวหาในข้อหาฆาตกรรม จนต้องติดคุกเป็นเวลานาน เขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือภรรยาเขาให้ได้ จากการจ้างทนายเพื่อมาช่วยในคดี แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แถมสภาพร่างกายและจิตใจของลอร่าก็ดูแย่ลงไปในทุกที เขาเลยได้ตัดสินใจปรึกษากับนักแหกคุกมือฉมัง เพื่อวางแผนพาตัวภรรยาเขาหนีออกมาให้ได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Next Three Day เป็นหนังที่คนรู้จักน้อย สวนทางกับความสนุกของหนังอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคอหนังสายแหกคุกยิ่งน่าจะโดนใจกันเข้าใหญ่ ซึ่งในเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนที่ชอบหนังแหกคุกแบบเหนือชั้น หรือหนังแหกคุกที่เน้นเรื่องความฉลาด แต่ว่ามันติดดินมากๆ เพราะตัวละครนำก็คือคนธรรมดา ที่ผิดได้ พลาดได้ และมีอะไรผิดแผนเกิดขึ้นไปหมด มันเลยทำให้มันดูน่าเอาใจช่วย และร่วมลุ้นกับตัวละครกันได้เข้าไปใหญ่ จนใครที่ชอบหนังสไตล์แหกคุกแบบ Prison Break, Papilon อะไรแบบนี้แล้ว อยากให้ลองดูหนังแหกคุกแบบติดดินเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

• สายหนังแอคชั่นแหกคุก
• สายหนังวางแผนแหกคุก
• สายหนังระทึกขวัญ อาชญากรรม

รีวิว / สรุปเนื้อหา

The Next Three Day คือหนังสไตล์แหกคุกอีกเรื่อง ที่ดัดแปลงมาจากหนังฝรั่งเศสพล็อตเดียวกันอย่าง Pour Elle ของปี 2008 ที่เป็นสไตล์แหกคุกในแบบที่ไม่ได้แหกหนีเอง แต่เป็นการที่สามีช่วยภรรยาที่โดนคดีฆาตกรรมแหกออกมา ซึ่งหากเป็นในหนังเรื่องอื่นๆ อาจจะไปสืบสวนหาคนร้ายตัวจริง เพื่อให้ภรรยาพ้นคดี แต่กับเรื่องนี้มันคงดูไม่ทันการ อีกทั้งเสน่ห์อีกอย่างของตัวหนังก็คือปริศนาที่คาใจอยู่ตลอดเรื่องว่า สรุปแล้วภรรยาเขาทำหรือไม่ เพราะด้วยหลักฐานมัดตัวที่ชัดเจนจนยากจะดิ้นหลุด ซึ่งก็ขัดแย้งกับสิ่งที่ภรรยาเขาบอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ

แต่หนังกลับไม่สนใจประเด็นนี้มากนัก เพราะมันไม่สำคัญเท่าความเชื่อมั่นของตัวเอกที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ทำเพื่อช่วยเหลือภรรยาที่รักของเขาและเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นคนทำ ด้วยความที่ตัวเอกเป็นคนธรรมดา มันเลยทำให้คนดูสามารถเชื่อมโยงกับตัวละครได้ง่ายมากๆ การวางแผน การจะทำอะไรของตัวละครนั้นมีจุดผิดพลาด มีความเครียด มีความกลัวในแบบที่มนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งจะเป็น จากการที่ไม่เคยทำผิดกฏหมายมาก่อน มาสู่การวางแผนพาผู้หญิงคนหนึ่งแหกคุกแบบเต็มตัว ก็ดูเป็นอะไรที่น่าเอาใจช่วย และเพิ่มความน่าติดตามของหนังได้เยอะมากๆ

 ในพาร์ทการวางแผนของหนังก็เป็นการปูเรื่องมาได้ดี เราจะได้เห็นกระบวนการต่างๆ นับตั้งแต่เริ่ม ซึ่งบางอย่างก็ดูง่ายลงตัวเกินไปนิด แต่หลายๆ อย่างก็ดูมีข้อผิดพลาดมากมายตามที่ควรจะเป็นเลยไม่มีอะไรให้ชวนจับผิดมากนัก และเมื่อการวางแผนเสร็จสิ้นจนนำไปสู่ช่วง 40 นาทีสุดท้ายของหนัง ที่เป็นไคลแม็กซ์สุดลุ้นของภารกิจพาแหกคุกของจริง ที่จะทำให้คนดูต้องนั่งติดที่นั่ง มือจิกเบาะไปตลอดการหลบหนีกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบลุ้นไปกับหนังพล็อตแหกคุกแบบนี้ ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ