เรื่องย่อ

ภูชิต เซลล์แมนต๊อกต๋อยที่กำลังจะตกงานจากการขายของไม่ได้ตามเป้า แถมถูกคนรักทิ้ง ท่ามกลางภาระหนี้สินและการแบกรับครอบครัวที่อยู่เบื้องหลัง ด้วยความกดดันต่างๆ ทำให้เขากลายเป็นเหยื่อชั้นดี ที่ถูกดึงให้เข้ามาร่วมเล่น “13 เกมสยอง” เกมที่มีกติกาให้เขาต้องทำในชีวิตจริงกับโจทย์ 13 ข้อ และทุกครั้งที่ทำแต่ละข้อผ่านไปได้ เขาก็จะได้เงินสะสมที่มาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากเขาทำผิดเงื่อนไขอย่างการบอกข้อมูลเกี่ยวกับเกมให้คนอื่น หรือหยุดเล่น ทุกอย่างจะเป็นโมฆะทันที ทำให้เขาจึงต้องทำภารกิจที่วัดระดับศีลธรรมและท้าทายความเป็นมนุษย์ของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ 13 เกมสยอง นั้น เป็นอีกหนังทริลเลอร์ชั่นดีของไทยอีกเรื่อง ที่ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญไปพร้อมๆ กับฉากน่าจดจำมากมายในเรื่องของในแต่ละภารกิจ ทำให้มันเหมาะอย่างแน่ๆ สำหรับคนที่ชอบหนังที่พล็อตเรื่องสนุก ๆ มีฉากลุ้น ๆ ตื่นเต้นบีบคั้นหัวใจ อีกทั้งมันยังเป็นหนังไทยที่บทแปลกใหม่ไม่เหมือนใครดีด้วย ใครที่เสพหนังไทยสายดาร์คๆ ทริลเลอร์ จิตวิทยาหน่อยๆ อย่างพวก Body ศพ 19 หรือ ลองของ อะไรแบบนี้แล้ว 13 เกมสยอง คืออีกเรื่องที่ต้องดู เพราะเป็นตำนานหนังไทยที่น่าจดจำอีกเรื่องเลย

• สายหนังระทึกขวัญไทย
• สายหนังสยองไทย
• สายหนังพล็อตเจ๋ง

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ด้วยความที่ชอบหนังสายดาร์คๆ เป็นทุนเดิม จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เห็นหนังไทยทำออกมาสายนี้ ท่ามกลางหนังส่วนมากที่ยังวนเวียนอยู่กับหนังตลก และหนังผี แต่ 13 เกมสยอง ก็มีพล็อตที่แปลกใหม่ เน้นทั้งความตื่นเต้น และสะท้อนจิตใจด้านมืดของมนุษย์ออกมาได้เป็นอย่างดี จนทำให้มันกลายเป็นหนังไทยอันดับต้นๆ ในใจของใครหลายคนอยู่ไม่น้อย ด้วยภารกิจต่าง ๆ ที่ค่อยๆ ไต่ระดับความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนดูที่ใจหนึ่งก็อยากจะเอาใจช่วยตัวละครให้ฝ่าไปสำเร็จนั้น แต่ในบางข้อมันก็ทำให้เราได้ชะงัก ฉุกคิดถึงความถูกต้อง และพร้อมยอมให้ตัวละครจบภารกิจแต่เพียงเท่านี้ได้อยู่เหมือนกัน เพราะมันล้ำเส้นของศีลธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

นั่นคืออารมณ์ที่หนังเล่นกับคนดูอยู่ตลอดทั้งเรื่อง กับการเชียร์ตัวละครควบคู่ไปกับการตั้งคำถามศีลธรรมในใจตัวเองว่าเรานั้นจะไปได้ไกลถึงข้อไหน ถ้าหากว่าเรานั้นเป็นผู้เล่นในเกมที่อยู่ในสภาพชีวิตแทบไม่เหลืออะไรแบบตัวเอกแล้ว ซึ่งหนังเล่นกับความรู้สึกของตัวละครได้อย่างฉลาดดีจริง ๆ เพราะการที่ยิ่งมาไกล ยิ่งต้องไปต่อ เพราะหากหยุดไปเท่ากับเสียทุกสิ่งที่ทำมา และพอมาประกอบกับการแสดงของพี่น้อย วงพรูแล้ว ยิ่งทำให้หนังดูเลยเถิดไปกันใหญ่ กับการแสดงของตัวละครที่ทรงพลัง และเชื่อในความเครียดกับชีวิตของเขาว่าหมดสิ้นหนทางแล้วจริงๆ

นั่นทำให้ถึงแม้จะมีฝั่ง Hollywood เอาไปรีเมคด้วยทุนสร้างหรืออะไรที่เพรียบพร้อมกว่าเราก็ตาม นั่นก็เทียบกันไม่ได้ เพราะของไทยต่างมีปัจจัยต่างๆ ที่เอื้อต่อการตัดสินใจของตัวละครมากกว่า การแสดงสุดพลังกว่า รวมไปถึงการกำกับของ พี่มะเดี่ยว เอง ก็ถือว่าไปได้สุด และคุมโทนหนัง พาคนดูไต่ระดับความเครียดแต่ละภารกิจได้อย่างสนุกสนาน และมีความน่าจดจำมากกว่าตัว Remake ที่ตอนนี้ไม่มีความทรงจำอะไรอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย นับเป็นอีกหนังไทยชั้นดีที่ควรได้ดูสักครั้ง