รวมหนัง 7 Robert Pattison จากแวมไพร์หน้าหล่อ สู่อัศวินรัตติกาลสุดเท่
Robert Pattinson นับเป็นดาราอีกคนที่เริ่มมาจากหนังสายแมสแบบเต็มๆ ทั้งจาก Harry Potter และ Twilight ที่ทำให้เขาดังเป็นพลุแตกในบทของแวมไพร์หนุ่มสุดหล่อ แสนเย็นชา แต่กลับละลายหัวใจสาวๆ ทั่วโลกได้จนกลายเป็นอีกปรากฏการณ์ในโลกภาพยนตร์ ที่สร้างรายได้และออกมาได้ทั้งหมด 5 ภาค แต่ดูเหมือนเส้นทางการแสดงของเขายังไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากดังแล้ว เขาก็มุ่งหน้ามาสายนักแสดงคุณภาพอย่างเต็มตัว และค่อนข้างเลือกงานกับผู้กำกับเป็นอย่างดี จนทำให้เขากลายมาเป็นนักแสดงแนวหน้าของยุคขึ้นมาได้
เพื่อต้อนรับเขาในบท Batman คนล่าสุดของผู้กำกับ Matt Reeves ที่เคยมีผลงานดีๆ มากมายอย่าง Cloverfield, Let Me In ตระกูล Planet of the Ape 2 ภาคหลัง ทำให้เราค่อนข้างเชื่อมือได้ว่าเขาจะสร้าง Batman เวอร์ชั่นที่น่าสนใจ และในส่วนของ Robert Pattinson ก็กลายมาเป็นนักแสดงชั้นดีอยู่แล้ว และมาดที่เห็นตัวอย่างก็ออกมาดูดีเลย แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เรามาไล่เรียงกันดูก่อนดีกว่าว่าชีวิตนักแสดงของเขา ผ่านบทบาทอะไรที่น่าสนใจกันมาบ้าง มาตามกันได้เลย
Cedric Diggory – Harry Potter and the Goblet of Fire (2005)
เข้าสู่ปีที่ 4 ของการเรียนสำหรับเด็กชายผู้รอดชีวิต Harry Potter และเพื่อนๆ ของเขา ที่ปีนี้โรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอตส์ ก็ได้เป็นเจ้าภาพของการประลองเวทไตรภาคี ที่จะเป็นการแข่งขันความสามารถทางเวทมนตร์ โดยแต่ละโรงเรียนจะต้องส่งตัวแทนเข้ามาเพื่อร่วมแข่งกันในภารกิจต่างๆ สุดอันตรายในครั้งนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าผู้เข้าร่วมต้องมีอายุ 17 ปี แต่แล้ว Harry ก็ดันมีชื่อถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนของฮอกวอตส์แม้อายุจะไม่ถึงก็ตาม ทำให้เขาต้องจำใจร่วมการแข่งครั้งนี้ พร้อมทั้งหาเบื้องหลังที่เกิดขึ้นว่าใครต้องการเอาชีวิตเขาในการแข่งกันแน่
แม้ว่าจะเป็นภาคแรกและภาคเดียวในหนังชุด Harry Potter แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Cedric Diggory นั้นเป็นอีกตัวละครสำคัญในจักรวาลนี้ เพราะเขาทีทำให้ Harry ต้องเผชิญกับความตายในแบบใกล้ชิดมากๆ ซึ่ง Robert Pattinson กว่าจะคว้าบทนี้มาได้ก็ต้องผ่านการ Audition มาอย่างหนักหน่วงเลยเหมือนกัน และด้วยบทนี้ก็ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองในทันที ในฐานะดาราวัยรุ่นพุ่งแรงอายุ 18 ปี ที่น่าจะมีผลงานอีกมากมายตามมา และทุกคนก็คิดไม่ผิดเลย
Edward Cullen – Twilight (2008 – 2012)
เบลล่า สวอน วัยรุ่นสาวที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมือง ฟอร์คส์ ด้วยบุคลิกของเธอก็ทำให้เธอมักทำตัวแปลกแยกจากคนอื่นมาโดยเสมอ จนกระทั่งเธอได้พบกับ เอ็ดเวิร์ด คัลเลน ชายหนุ่มที่ดูแสนเพอเฟคทั้งรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา และดูมีความชาญฉลาด ที่ช่วงแรกเขาดูเหมือนจะรังเกียจเธออยู่ไม่น้อย แต่ด้วยเหตุการณ์หนึ่งที่เขาได้เข้ามาช่วยเหลือเธอเอาไว้ เลยทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กัน ซึ่งก็มี เจค็อบ เพื่อนในสมัยเด็กของเธอที่แอบชอบเธออยู่เหมือนกัน จนนำไปสู่เรื่องราวรักสามเศร้า รวมถึงสงครามในอดีตระหว่างเผ่าพันธุ์
หนังที่แจ้งเกิดให้คนทั้งโลกรู้จัก Robert Pattinson อย่างเต็มตัว ในบทแวมไพร์สุดหล่อจากนิยายดังจนกลายเป็นปรากฏการณ์กับสาวๆ ทั่วโลก ที่อยากจะติดตามเรื่องราวรักสามเส้าระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ ระหว่างแวมไพร์และหมาป่า ที่แม้ว่าจะเป็นหนังที่หลายๆ คนยี้ในความน้ำเน่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เป็นหนังที่ทำให้สองพระ-นางแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว และใช้หนังเรื่องนี้มาสร้างชื่อเสียงได้อย่างเต็มที่ ก่อนที่ต่างคนต่างเดินหน้าหนังสายคุณภาพมากขึ้น จนตอนนี้ก็เรียกได้ว่าทั้งคู่เป็นดาราคุณภาพสายรางวัลได้อย่างเต็มปากเลย
Tyler – Remember Me (2010)
อัลลี่ สาวที่เติบโตมาพร้อมกับบาดแผลในจิตใจเมื่อแม่ของเธอนั้นถูกคนร้ายฆ่าตายที่สถานีรถไฟเมื่อ 10 ปีก่อน จนทำให้เธอไม่อยากจะย่างกรายโดยสารด้วยรถไฟอีกเลย เธอได้มาพบกับ ไทเลอร์ หนุ่มที่ปมชีวิตที่พ่อ แม่แยกทางกันไป แถมพี่ชายก็ยังเสียชีวิตด้วย ทำให้ทั้งสองคนที่มีปม ทำให้ทั้งคู่ต่างเข้ามาเยียวยาบาดแผลของกันและกันในทันที และยิ่งเมื่อรู้จักกันมากขึ้นพวกเขาก็พบว่าพวกเขาอาจจะมีปมบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน จนอาจทำลายความสัมพันธ์ที่มีเลยก็ได้
อีกหนังรักสไตล์อเมริกันที่เล่นกับปมคนมีบาดแผลทั้งคู่เข้ามาเจอกัน มันเลยไม่ได้ออกรสชาติแบบหวานเลี่ยนนัก แต่กลับเน้นที่มุมดราม่า เน้นสำรวจบาดแผลในจิตใจกันและกันมากกว่า อีกทั้ง Robert Pattinson เองก็เคมีเข้ากับ Emilie de Ravin ที่เป็นนางเอกได้เป็นอย่างดี มันเลยออกมาเป็นสไตล์หนักรักหวานปนขม ที่แม้ว่าอาจจะไม่ได้มีอะไรที่ใหม่เท่าไรนัก แต่รับรองเลยว่าฉากจบของหนังก็น่าจะตราตรึงและชวนจดจำหนังเรื่องนี้ไปตลอดได้แน่ๆ
Thomas Howard – The Lighthouse (2019)
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เอเฟรียม วินสโลว์ ชายหนุ่มที่เพิ่งถูกจ้างงานให้ไปคุมประภาคารอันห่างไกลร่วมกับ โธมัส เวค นายประภาคารที่อยู่บนเกาะมาก่อน โดยหน้าที่เขาก็คือช่วยเหลือ โธมัส และทำตามคำสั่งของเขาในการคุมประภาคารเป็นเวลา 4 สัปดาห์ แต่เรื่องที่ดูเหมือนจะง่ายกลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อเข้าต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดมากมาย รวมถึงพฤติกรรมของเวคเองที่ดูเอาแน่เอานอนไม่ได้ เลยทำให้เขาต้องคุมสติก่อนที่จะเป็นบ้าไปเสียก่อน
หนังดูยากอีกเรื่องของผู้กำกับสุดติสท์อย่าง โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ที่มีผลงาสร้างชื่ออย่าง The VVitch (2015) มาก่อน โดยทั้งเรื่องจะมีสองดาราหลักแค่สองคนอย่าง Robert Pattinson และ William Dafoe ที่แม้ว่าหนังจะไม่ได้โด่งดังในวงกว้างเท่าไรนัก แต่การแสดงของทั้งคู่ก็ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างดี สมกับที่ Robert Pantinson เองพยายามที่จะย้ายสายจากหนังแมสมาสู่หนังสายรางวัลกับผู้กำกับที่น่าสนใจ ทั้ง Water for Elephants, Bel Ami, Cosmopolis, The Rover แล้วก็มาเป็นเรื่องนี้ที่ติสท์ซะเหลือเกินจริงๆ
Neil – Tenet (2020)
สายลับซีไอเอนิรนามที่ทำภารกิจผิดพลาด หวังจะกินยาฆ่าตัวตายแต่กลับไม่ตาย ได้บังเอิญไปเข้าร่วมกับองค์กรลับสุดยอดที่กุมความลับ และอุปกรณ์ที่เรียกว่า เทเน็ท (Tenet) ที่สามารถควบคุมกระแสเวลาของวัตถุให้กลับมาเป็นสภาพก่อนหน้านั้นได้ ไหลกลับ และเขาต้องหาทางหยุดยั้งภัยร้ายที่ ซาร์ตอร์ หวังจะก่อการร้ายเพื่อให้เกิดสงครามโลก
การได้ร่วมงานครั้งแรกของ Robert Pattinson กับผู้กำกับสุดจีเนียสอย่าง Christopher Nolan ที่ได้รับบทตัวเอกอีกคนของเรื่องที่มีบทบบาทและความสำคัญไม่ต่างจากพระเอกเลย แถมยิ่งหากใครดูเข้าใจแล้วจะยิ่งอินกับความเท่ยิ่งขึ้นไปอีก แถมตัวหนังยังเดินหน้าคว้ารางวัลมากมาย จนหลายๆ คนก็น่าจะยิ่งหลงใหลในคาแรคเตอร์ของ Neil เข้าไปเรื่อยๆ จนหลายๆ คนแอบอยากเห็นเขาเป็น Bond เลยด้วยซ้ำ นับเป็นอีกบทดีๆ ที่น่าจดจำอย่างมากของเขาเลยจริงๆ
Preston – The Devil of All the Time (2020)
อาร์วิน รัสเซลล์ เด็กหนุ่มที่เติบโตมากกับ วิลลาร์ด พ่อของเขาที่เป็นอดีตทหารอเมริกันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สภาพจิตใจพังทลาย จนทำให้หลังจากมีเขาได้ไม่นาน ทั้งพ่อและแม่เขาก็ต่างจากไป ทำให้อาร์วินจึงต้องย้ายไปอยู่กับย่าและลุงครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ของเขา จนเมื่อเขาได้เติบโตขึ้นมา มรสุมชีวิตก็ยังดูไม่จบแค่นั้น เมื่อเขายังต้องพบกับบาทหลวงเพรสตัน ชายที่เอาศาสนามาบังหน้าเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง รวมถึงคู่รักฆาตกรโรคจิต ที่ทำให้อาร์วินรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วปีศาจก็คือสิ่งที่อยู่รอบตัวเรานี่เอง
อีกหนังจากนิยายชั้นดี ที่สะท้อนภาพสังคมอเมริกันได้ออกมาอย่างโหดร้ายและน่าเจ็บปวด แต่ด้วยบทที่เข้มข้น ประกอบกับตัวละครที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความเลวร้ายต่างๆ นานา ก็ทำให้มันเป็นที่นิยมได้ไม่ยาก ซึ่งในเรื่องนี้ก็เป็นผลงานที่ Netflix ได้หยิบเอาต้นฉบับมาดัดแปลง โดย Robert Pattinson รับบทเป็นบาทหลวง Preston ที่ใช้ศาสนาบังหน้า และรับบทชั่วได้อย่างเต็มขั้นเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งบทที่ดีจากหนังดราม่าเข้มๆ ของ Netflix อีกเรื่อง
Bruce Wayne – The Batman (2022)
น่าจะเป็นหนังที่หลายคนรอคอยของสัปดาห์นี้ สำหรับ Batman ในเวอร์ชั่นใหม่ (อีกแล้ว!) ที่คราวนี้ดูเหมือน DC เปิดจักรวาลใหม่อีกครั้ง โดยได้ผู้กำกับมือดีอย่าง Matt Reeves มาทำ และเล่าเรื่องของ Bruce Wayne ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในเมือง Gotham โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า เบื้องหลังของเขาคือฮีโร่อัศวินรัตติกาลมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว โดยมีพ่อบ้านอย่าง Alfred และ Jim Gordon นายตำรวจตงฉินที่พร้อมให้ความร่วมมือกับเขา โดยครั้งนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าร้ายทั้ง The Penguin และ The Riddler ในเวลาเดียวกัน
สำหรับหนังจะเข้าฉายวันนี้ 3 มีนาคม ในโรงภาพยนตร์ สาวกฮีโร่ DC ย่อมไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน และหากใครไปดูขอแนะนำงดดื่มน้ำเยอะ เพราะหนังยาวเกือบ 3 ชั่วโมง ไม่งั้นต้องเสียเวลาวิ่งมาเข้ากันแน่นอน