รวมข้อคิดจาก First Love ซีรีส์รักขมๆ ของคนไปไม่ถึงฝัน

หากจะมองย้อนไปปี 1999 ใครที่ฟังเพลงสากลก็คงไม่พลาดเพลง First Love ของ Utada Hikaru กันอยู่แล้ว แถมยิ่งใครเป็นช่วงวัยรุ่นยุค 90s สมัยนั้น แล้วดันมีประสบการณ์อกหักครั้งแรกช่วงที่เพลงออกมาพอดิบพอดี ก็คงจะมีความโดนกับเนื้อหาเพลงไปเต็มๆ เพราะเนื้อเพลงนั้นก็เล่าถึงในวันที่เราต้องจากลารักครั้งแรกไป และเก็บไว้เป็นความทรงจำเสมอไป ซึ่งพอมาถึงปีนี้ Netflix ก็ได้มีซีรีส์ใหม่ในชื่อเดียวกัน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงนี้ ให้คนดูได้หวนรำลึกไปถึงครั้งแรกของตัวเองอีกครั้ง

โดย First Love (2022) ได้เล่าถึง นามิกิ หนุ่มหล่อในโรงเรียนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ จนได้พบกับ ยูเอะ สาวสุดฮอตของโรงเรียนที่มีหนุ่มๆ มาสารภาพรักไม่เว้นแต่ละวัน พวกเขาทั้งคู่ต่างชอบพอกันอยู่แล้ว เมื่อนามิกิขอเธอเป็นแฟนก็ได้รับการตอบรับในทันที ทั้งคู่นั้นต่างเป็นคู่รักที่ให้กำลังใจอีกฝ่ายในการทำตามฝันมาโดยตลอด จนกระทั่งมีเหตุทำให้พวกเขาเลิกราแยกจากกันไป จน 20 ปีต่อมาพวกเขาก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง… ซึ่งจากที่ดูมาทั้งหมดแอดมินว่าได้อะไรเยอะมากๆ จากซีรีส์เรื่องนี้ เลยอยากเอามาเล่าสู่กันฟังดู ว่าใครจะรู้สึกแบบเดียวกันไหม ลองมาคุยกันได้เลย

1. แม้ไปไม่ถึงฝัน แต่เราก็ยังเป็นเราคนเดิม

สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงมาตั้งแต่ต้นก็คือ ความฝันของมนุษย์ เพราะตั้งแต่ฉากแรก เราก็จะได้เห็นตัวเอกอย่าง ยูเอะ ที่แสดงออกถึงความฝันตัวเองว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตส ทั้งการพยายามฝึกภาษาอังกฤษ ฝึกท่องสคริปต์ต่างๆ ของการเป็นแอร์ และกรอกความฝันนี้ลงในหัวข้ออาชีพที่อยากทำในอนาคต แต่แล้วด้วยความที่ชีวิตไม่แน่นอน หลังจากประสบอุบัติเหตุ ชีวิตเธอก็พลิกผัน จนไม่ได้ทำตามฝันตัวเองต่อ 

ในช่วงเวลาปัจจุบันภาพของเธอตัดมาเป็นคนขับแท็กซี ที่แม้ว่าจะเป็นอาชีพที่เธอสามารถทำแล้วเลี้ยงตัวเองได้ แต่มันก็ห่างไกลจากความฝันของเธออยู่ดี และเมื่อไรก็ตามที่เธอได้นึกถึงความฝันที่เคยอยากเป็น ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนขาดคุณค่าในชีวิตไป ยิ่งถ้าเธอไม่ได้มีลูกด้วย ก็อาจจะเลือกทิ้งชีวิตไปเลยก็ได้ เพราะรู้สึกว่าเมื่อไม่มีความฝัน ตัวตนมันก็หายไป

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น หลายคนต้องเจอกับอุปสรรค เจอเรื่องไม่คาดคิด และยิ่งต้นทุนที่ไม่เท่ากัน ก็ทำให้มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะทำตามฝันตัวเองได้ แต่เมื่อไม่มีความฝันแล้ว หลายคนอาจเสียเป้าหมายในชีวิต และเสียตัวตนไปด้วย โดยที่ลืมคิดไปว่า ในระหว่างทางที่เราพยายามทำตามฝัน เราก็ได้ผ่านอะไรมามากมาย ที่ทำให้เรากลายเป็นเราทุกวันนี้ และเราก็ยังเอาประสบการณ์เหล่านี้ไปทำอย่างอื่นได้ ไปเติมความฝันใหม่ๆ ได้ ดังนั้นการไปไม่ถึงฝัน ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีคุณค่า เรายังเป็นเราคนเดิมเสมอ

2. หลายครั้งเรื่องฐานะ ก็กลายมาเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์

การเลือกคู่ครองที่มีฐานะ มีความมั่นคงในชีวิตที่ดี ก็ดูเหมือนจะเป็นความฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะหลายคนก็อยากที่จะสบาย ไม่ต้องมากังวลเรื่องเงินๆ ทองๆ ในอนาคต แต่ทว่าด้วยฐานะที่ต่างกัน ก็อาจนำมาสู่ความขัดแย้งบางอย่างในความสัมพันธ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ใน First Love ก็สะท้อนภาพนี้ออกมาให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน จากที่แม่ของ ยูเอะ ตัดสินใจตัดขาด นามิกิ ออกไปจากชีวิตของเธอ และหวังให้ ยูเอะ เจอคนที่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องลำบากแบบที่เธอเป็น

นั่นเลยเป็นเหตุให้ ยูเอะ ได้พบกับหมอหล่อคนหนึ่ง และได้แต่งงานกันอย่างที่แม่หวังเอาไว้ แต่แล้ว เรื่องราวก็กลับไม่เป็นดั่งฝัน เพราะด้วยฐานะที่แตกต่างกัน ก็ทำให้บ้านของสามีเธอ ดูแคลนฐานะของบ้านยูเอะ จนไม่ยอมให้แม่ของยูเอะไปร่วมงานแพทย์ที่จัด ด้วยเหตุผลว่าอายเขา และเมื่อพูดถึงชาติกำเนิดที่ผ่านมาของยูเอะทีไรก็ต้องปั้นเรื่องเป็นอื่น เพื่อสถานะทางสังคม จนกลายเป็นจุดขัดแย้งให้ทั้งคู่ต้องหย่าร้าง แม้ว่าทั้งคู่จะมีลูกด้วยกันแล้วก็ตาม

จนชีวิตของ ยูเอะ ที่ไม่ได้เรียนอะไรต่อ และกลายมาเป็นแม่บ้านในช่วงที่แต่งงาน ก็ขาดสกิลการทำงานต่างๆ ไป สุดท้ายต้องรับงานหนักๆ เพื่อเงินน้อยๆ มาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ หากในตอนนั้นเธอได้เจอคนที่รักเธอจริงๆ อย่างนามิกิ และได้สนับสนุนความฝันกันเรื่อยมา อาจจะไม่ต้องลงเอยแบบนี้ก็เป็นได้

3. คนรักที่ดี คือคนที่คอยสนับสนุนกันและกัน

หลายคนคงน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า หากเรามีคนรักที่ดี ชีวิตก็จะดีไปด้วย คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริงสักเท่าไร หากเราได้เห็นความรักของ นามิกิ และยูเอะ ในเรื่อง เพราะ ยูเอะ นั้นมีความฝันที่อยากจะเป็นแอร์โฮสเตส มาโดยตลอด นามิกิ เองเมื่อรู้ความฝันนั้น ก็พยายามสนับสนุน ยูเอะ มาโดยตลอด เท่านั้นยังไม่พอ เขาก็ยังพยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นนักบินด้วย เพื่อให้มีโอกาสที่จะได้อยู่บนท้องฟ้าด้วยกันในอนาคต

และถึงแม้ว่าอนาคตของทั้งคู่อาจจะไม่ได้เป็นตามที่ฝันเอาไว้ และอาชีพของพวกเขาก็ดูห่างไกลจากความฝันเหลือเกิน แต่เมื่อพวกเขาได้เจอกันอีกครั้ง พวกเขาก็ยังเลือกที่จะสนับสนุนกันต่อ ซึ่งการมีคนรักแบบนี้ จะเห็นได้เลยว่า แม้ว่าจะมีอุปสรรคหรือปัญหา ก็จะมีคนช่วยคิด ช่วยแก้ และส่งเสริมให้มีโอกาสทำตามที่ตั้งใจได้ง่ายขึ้น การมีคนซัพพอร์ทเราในเรื่องอื่นๆ ก็ทำให้เราสามารถโฟกัสกับสิ่งที่เราต้องทำได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้มันยังทำให้ตัวเองดีขึ้นตามไปด้วย

4. เพราะความรัก มันมักไม่มีเหตุผล

สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในเรื่องก็คือ การได้พบเจอกับคนรักเก่า ที่ไม่เคยได้ร่ำลา ในขณะที่ตอนนั้นก็ดันมีคนรักที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ นามิกิ ที่เขายังคงไม่ลืมยูเอะ ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะได้พบกับคนรักคนใหม่แล้วก็ตาม แต่คนๆ นั้น กลับไม่เคยมาเป็นที่หนึ่งในใจของเขาได้เลย เพราะในใจเขามียูเอะเป็นรักแรกที่ฝังใจไปเสียแล้ว ซึ่ง ถ้าเขาไม่ได้เจอ ยูเอะ อีกชีวิตรักต่อจากนี้ของเขาก็คงจะไปต่อได้อย่างสงบสุข โดยที่ไม่มีปัจจัยอื่นมาแทรกแซง

แต่โชคชะตาก็ดันเล่นตลกมาก ที่ดันส่งคนรักเก่ามาในช่วงเวลาแบบนี้ ทำให้คนที่น่าสงสารมากก็กลายเป็นคู่หมั้นของนามิกิที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย และนามิกิ เองก็ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองจนเลือกที่จะบอกไปตรงๆ ถึงความรู้สึกของเขา แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะดูไม่มีเหตุผลสักเท่าไร เพราะส่งที่ถูกต้องก็คือ นามิกิ ควรเดินหน้าต่อไปกับคู่หมั้นตามที่ได้เคยรับปากกันไว้ แต่สุดท้ายความรักก็ไม่เคยมีเหตุผล และเป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงไม่แปลก ที่หลายๆ คนจะหมดรักได้ง่ายดาย หรือความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปได้ โดยที่ไม่มีเหตุผลก็ตาม