เรื่องย่อ

ผักกาด กราฟฟิคดีไซเนอร์สาวกับเรื่องราวพังๆ ที่ดันแห่มาพร้อมกัน ในวันเกิดเบญจเพส 25 ปี ทั้งต้องออกจากงานเพราะงัดกับหัวหน้า ตามมาติดๆ กับอาการอกหักเมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มนอกใจ และที่พีคสุดคือรู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับโรคร้ายที่คาดไม่ถึง แต่ท่ามกลางเรื่องพังๆที่กำลังถาโถม ผักกาดกลับได้ค้นพบความรักดีๆ ที่อยู่รายรอบตัวเธอ ทั้งได้ใกล้ชิดกับหมอหนุ่มยิ้มยากที่เธอแอบปิ๊งอย่าง หมอกวินทร์ และกำลังใจจากครอบครัวและแก๊งเพื่อนซี้ที่พร้อมจะหัวเราะและร้องไห้อยู่เคียงข้างเธอเสมอ และเพราะความรักที่เธอได้รับ ผักกาดพร้อมแล้วที่จะไม่ยอมแพ้ พอกันทีกับความเศร้า ขอลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เพื่อส่งต่อพลังบวกให้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ ไสหัวไปนายส่วนเกิน เป็นหนังไทยแนวดราม่ารอมคอมโรแมนติกที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนสูงมาก หนังสอดแทรก Message ที่คมคายประเด็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง ดูแล้วสะเทือนใจแต่ก็มีอมยิ้มเอาใจช่วยตัวละครไปพร้อมๆกัน คนรักหนังสายจีนดูแล้วจะชอบหนังเรื่องนี้แน่ๆ คู่พระนางช่วยทำให้บรรยากาศหนังดูอิ่มเอมใจไม่ผิดหวังแน่นอน

• สายหนังรอมคอม
• สายหนังโรแมนติก
• สายหนังไทย
• สายหนังที่ชอบกลิ่นอายความเป็นจีน

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ถ้าหากจะบอกว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรดี เรารู้สึกว่าพล็อตหนังมีความหลากหลายที่จะเล่าเรื่อง เปิดเรื่องด้วยความสดใส Feel Good ออกแนวรอมคอมหญิงวัยรุ่นที่มีหน้าที่การงานที่ดี มีคนรัก มีแก๊งค์เพื่อนสาวที่สนิทคุ้นเคยไม่ทอดทิ้งกัน จนกระทั่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มะเร็งโรคร้ายที่เธอเป็นดันไม่มีวันหายขาด ชีวิตดูเหมือนมืดมน ไร้ความหวังจะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่คุณหมอหนุ่มที่รักษาเธอกับกลายเป็นคนที่ผลักดันให้เธอยิ้มสู้กับปัญหา มะเร็งเป็นโรคร้ายที่ไม่มีใครอยากเป็นไม่มีใครอยากให้คนรอบข้างเจอ หนังค่อยๆเล่าถึงหัวอกคนที่เป็นมันค่อนข้างเจ็บปวดที่ต้องมาได้ยินคำปลอบใจจากคนรอบข้าง ตัวละครผักกาดก็พยายามหลีกหนีปมในใจเพื่อทำกิจกรรมดีๆ แต่จริงๆแล้วมันแค่ชะโลมจิตใจเธอได้แค่นิดเดียว เพราะสุดท้ายแล้วอาการโรคร้ายนี้มันรุนแรงเกินกว่าคนที่ไม่ได้เป็นจะเข้าใจ หนังหยิบเนื้อหาโรคร้ายมาเป็นจุดขายและนำเสนอได้แบบเข้าอกเข้าใจผู้ชม

นอกจากประเด็นหนังที่หยิบยกเรื่องโรคมะเร็งมาแล้ว หนังยังมีกลิ่นอายแบบหนังรักรอมคอมแบบจีนมาเต็มๆ ฉากโรแมนติกของหนังมาแบบเทคนิคพิเศษ CGI สร้างบรรยากาศให้ดูบันเทิงน่ารักมาก ใส่มาเยอะมาก ถ้าเป็นแฟนหนังสายรอมคอมจะรู้สึกจิ้น Feel Good มากที่หนังเล่นใหญ่มาแบบนี้ แล้วงานภาพที่ปรุงแต่งซาวด์ประกอบแต่ละฉากมันสวยงาม เพลินตามาก การใส่ประเด็นรองของนางเอกก็ปรับโทนให้หนังรู้สึกว่าพยายามไม่ให้โทนเรื่องมันเศร้าไปกับนางเอกมากจนเกิดไป ไม่ต้องเลี่ยนมีน้ำตามากเกินไป ก็เลยนำแง่มุมความเพ้อฝันของนางเอกเข้ามาช่วย นอกจากนี้แล้วบทพูดไดอาล็อกหนังก็มีคำคมโดนๆฮุคเด็ดๆเพียบ เหมือนกับการให้กำลังใจผู้คนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งว่าอย่าได้สิ้นหวังไปเสียก่อน อีกจุดหนึ่งที่เราชอบคือการวางเฟรมภาพมุมกล้องให้ความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ละครไทยหลังข่าว แต่ละซีนที่หนังเล่าเรื่องออกมาดูเรียลกว่า ทำให้เมื่อนักแสดงที่มาเล่นเข้าฉากไม่ได้ดูเฟคเลยสักนิด

มาพูดถึงกลุ่มนักแสดงนำกันบ้าง อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม หนุ่มมาดเซอร์ที่มาสวมบทเป็นหมอกวินทร์ ดูนิ่งดูสุขุมดูเยือกเย็น การเป็นหมอที่ดูอ่อนโยน ให้กำลังใจคนไข้ พยายามผลักดันให้หญิงสาวที่เสียใจมีแรงใจจะสู้ชีวิตต่อ ชอบบุคลิกอนันดาในเรื่องมากคือไม่ค่อยเห็นเขาแสดงในบทแบบนี้มากนัก ส่วน มิน พีชญา ได้ขึ้นจอนางเอกหนังเต็มตัวสักทีหลัง มารับบทสาวเพ้อฝันที่ชีวิตดันโชคร้ายทั้งเรื่องรักและอาการป่วย บุคลิกที่สดใสในเรื่องทำให้ผู้ชมรู้สึกเพลิดเพลินมาก ชอบคาแรกเตอร์นางสาวช่างฝันดีนะ คือออร่ามาเต็มเหมือนคนที่พยายามสู้เพื่อให้มีชีวิตรอด เราว่านางน่ารักดี แฟนๆที่ชอบมินคงหลงรักเธอไปเต็มๆ ส่วนแก๊งค์เพื่อนสาวของนางเอก ที่ชอบคงเป็นคุณไต้ฝุ่น หนุ่มหล่อบุคลิกดี กลายเป็นสาว LGBT เห็นแล้วทึ่งมาก ไม่คิดว่าจะเป้นตัวแม่ได้ขนาดนี้ เห็นแต่ละซีนก็อดขำไม่ได้ไม่คิดว่าเขามีของเยอะเหมือนกันแหะ ส่วนสาวขโมยซีนดันกลายเป็นคุณซานินะ เพราะเธอมาแต่ละซีนเหมือนคนเล่นเกินค่าตัว ปล่อยพลังไปเต็มๆ ส่วนจะเป็นยังไงแนะนำว่าไปดูในโรงดีสุดเพราะเธอดันเป็นแก๊งค์แฟนสาวที่ดูฮามา