หนังแอ็คชั่น Nicolas Cage ที่แฟนหนังไม่ควรพลาด
หากจะพูดถึงชื่อพระเอกหนังบู๊ในดวงใจในช่วงยุค 90 คงไม่มีใครโด่งดังประสบความสำเร็จได้มากเท่ากับ นิโคลาจ เคจ ได้อีกแล้วว่าง่ายๆคือจับงานแสดงหนังบู๊เรื่องไหนในช่วงนั้นประสบความสำเร็จกวาดเงินมากมาย โดยเฉพาะกับผนึกกำลังร่วมกับ Jerry Bruckheimer ผู้อำนวยการสร้างหนัง และ Micheal Bay จนเราได้ชมงานของเขาแทบจะไม่ขาดสายเลยก็ว่าได้ แม้ว่าอายุอานามที่มากขึ้น ความพีคความฮอตไม่เหมือนก่อน จนเราแทบไม่เห็นผลงานดีๆปังๆออกมาเหมือนแต่ก่อน แต่ต้องไม่ลืมว่านี่คือเจ้าพ่อหนังแอ็คชั่นที่สร้างผลงานให้ใครต่อใครชื่นชมมาแล้วนับไม่ถ้วน และไหนๆแฟนหนังรุ่นใหม่อาจจะพลาดการดูหนังดีๆของป๋าเคจ
เราแนะนำว่า Disney + Hotstar มีหนังดีๆจากเขาให้ดูเพียบ และเขาคัดสรรมา 5 เรื่องเพื่อให้คนที่ไม่เคยชมเปิดตาเปิดใจไปกับลีลาแอ็คชั่นของเขาได้เลย
The Rock (1996)
สแตนลี่ย์ ก็อดสปีด ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีของ FBI ผู้ที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลยสักนิด แต่เขาจำใจต้องมาจับมือร่วมทีมกับ จอห์น แพทริค เมสัน นักโทษชายที่ถูกขังลืมมาหลายปี แต่ทางการก็ต้องจำใจใช้ความสามารถของคนกลุ่มนี้ เพื่อเข้าไปทำภารกิจที่คุกอัลคาทราซ จากการก่อการร้ายของ พลจัตวา ฟรานซิส ฮัมเมล นายทหารที่ต้องการเรียกร้องสิทธิให้ทหารที่ไม่ได้รับเงินชดเชย จนจับตัวประกันพร้อมกับระเบิดเคมีเอาไว้
ในบรรดาหนังแอ็คชั่นที่อยู่ในยุคทองของป๋า Cage The Rock น่าจะเป็นเรื่องที่ดีพีคสุดก็ว่าได้พล็อตเรื่องเน้นสาดความมันส์เป็นหลักเข้มข้นไปด้วยฉากแอ็คชั่น พร้อมซาวด์ประกอบที่ลุ้นระทึกให้ตัวละคร นักแสดงหลักอย่าง Cage และปู่ Connery มีฉากที่น่าจดจำในหนัง และ Michael Bay ก็ปรุงแต่งออกมาได้ถูกจริตผู้ชม กลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่ครองใจผู้ชมอีกเรื่องในยุค 90
Con Air (1997)
เรื่องราวของ คาเมรอน โพ อาชญากรที่เคยพลั้งมือฆ่าพวกขี้เมาที่จะมาทำร้ายครอบครัวของเขา จนต้องติดคุก เมื่อเวลาผ่านไป เขากำลังจะพ้นโทษในเวลาอีกไม่นาน แต่ความซวยก็มาเยือนอีกครั้ง เมื่อเขาดันไปขึ้นเครื่องบินขนส่งนักโทษรวมไปกับนักโทษสุดชั่วรายอื่นๆ ที่มีแผนการยึดเครื่องบินเพื่อหลบหนี เครื่องบินลำนี้ก็ตกเป็นของ ไซรัส นักโทษจอมวางแผน ที่ยึดเครื่องบินเอาไว้ได้ และจะใช้มันหลบหนี โพ เลยต้องใช้ความสามารถที่มีของตัวเองขัดขวางแผนการนี้ เพื่อจะได้กลับไปพบหน้าลูกเมียได้อย่างปลอดภัย
แม้ว่า Nicolas Cage จะไม่ค่อยปลื้มกับหนังเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับ The Rock และ Face/Off แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือหนังแอ็คชั่นที่คลาสสิกเรื่องหนึ่งในช่วงเวลาที่รุ่งโรจนของ Cage ที่ร่วมงานกับ Jerry Bruckheimer เส้นเรื่องดูง่ายบทไม่ซับซ้อน เนื้อหาผสมผสานการต่อสู้แบบชายฉกรรจ์นักโทษหนีตายต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด แถมยังมีประเด็นซึ้งๆกินใจเข้ามาอีก เรียกว่าองค์ประกอบกลมกล่อมมากจนกลายเป็นหนังยอดฮิตสามัญประจำบ้านไปเลยก็ว่าได้
Face/Off (1997)
เพื่อล้างแค้นให้ลูกชายที่ถูกฆ่า ฌอน อาร์เชอร์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้ผ่าตัดเอาใบหน้าของ แคสเตอร์ ทรอย ศัตรูคู่อาฆาตที่อยู่ในอาการปางตาย ซึ่งเป็นหัวหน้าวายร้ายมาใช้เพื่อปลอมตัวเข้าไปแทรกซึมในฝ่ายผู้ก่อการร้าย เพื่อทำลายแผนการชั่วร้ายของพวกมัน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ แคสเตอร์ ทรอย (ตัวจริง) ได้ฟื้นขึ้นมาแล้วเอาใบหน้าของ ฌอน อาร์เชอร์ มาใช้บ้าง แล้วสมอ้างตนว่าเป็นฝ่ายดี พร้อมกับแทรกซึมเข้าไปในครอบครัวของฌอน เพื่อดำเนินแผนการร้ายต่อไป เหตุการณ์ทั้งหมดก่อให้เกิดเรื่องราวของความขัดแย้ง และ ฌอน ต้องใช้ความคิดต่างๆนานาในการแก้ปัญหาสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้น เพื่อปกป้องคนที่เขารักจากน้ำมือของ แคสเตอร์ ทรอย
นอกจากเนื้อหาที่เข้มข้นแล้วจุดเด่นอย่าง 1 ของหนังคือการที่เราได้เห็นนักแสดงชื่อดังอย่าง Nicolas Cage ทีแสดงบทร้ายที่ดูจะบ้าๆบอๆให้ผู้ชมได้ประหลาดใจพอสมควรในฐานะอาชญากรตัวแสบ แถมยังต้องมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับ John Travolta ที่ต้องมาสลับหน้ากันหักเหลี่ยมเฉือนคม หนังมีกลิ่นอายแบบหนังบู๊ฮ่องกง จากฝีมือการปลุกแต่งออกมาโดย John Woo มันส์สะใจมาก ว่าง่ายๆคือผลงานชิ้นนี้ของ Cage ถือว่าเป็น The Best ในช่วงเวลานั้นก็ว่าได้ หวังว่าแฟนหนังจะได้ดูภาคต่อตามมาเร็วๆนี้
Gone in 60 Seconds (2000)
ก่อนที่ Fast & Furious ภาคแรกออกมาได้ 1 ปี ป๋า Cage ก็ส่งหนังขโมยรถออกมาทำเงินจากแฟนหนัง ไอเดียการรีเมคหนังปล้นรถยนต์ในยุค 70 ถูกนำมาปรับให้ร่วมสมัย รถยนต์สุดรักของคุณ ไม่ว่าจะรุ่นไหน ยี่ห้อใด ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงแบบไหน สมรรถนะเป็นอย่างไร เครื่อง V 8, V-12 เทอร์โบชาร์จ แต่งเต็มที่หรือมาแบบเดิม ๆ เมื่อถึงมือ แรนดอลล์ “เมมฟิส” เรนส์ ยอดนักขโมยรถระดับตำนาน พวกคลั่งรถขนานแท้ ไม่ว่าคุณจะใช้ล็อคหรือสัญญาณกันขโมย หรือแม้แต่ตัวล็อคพวงมาลัย คุณมั่นใจได้เลยว่า รถของคุณจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายใน 60 วินาทีอย่างแน่นอน! เมมฟิส เอาตัวรอดจากเงื้อมมือของกฎหมายไปได้ พร้อมกับขโมยรถทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นมาหลายปี แต่เพียงเขาตัดสินใจหันหลังให้กับโลกอาชญากรรม เขากลับต้องหวนกลับไปทำ ในสิ่งที่เขาถนัดที่สุดอีกครั้งหนึ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือการขโมยรถ ครั้งยิ่งใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย 50 คัน ต่อคืนเพื่อเพื่อแลกชีวิตน้องชายของเขากับพวกมาเฟีย
หนังพล็อตเรืองไม่มีอะไรมาก อาศัยทักษะการขโมยรถเพื่อไปช่วยน้องชายแต่ด้วยเงื่อนไขเวลาที่จำกัดทำให้ พวกเขาจึงทำการปล้นกันในเวลาที่รวดเร็ว ด้วยทักษะแบบโจรที่รอบด้าน ฉกรถออกมาแล้วก็หลายเข้ากลีบเมฆ มันคือความสนุกที่มอบให้แก่ผู้ชมเร็วแรงถึงใจคอหนัง การได้ดูป๋า Cage ควบรถในช่วงท้ายๆเป็นอะไรที่สะใจผู้ชมอย่างเราที่สุด
National Treasure 2004
แม้ว่าคำวิจารณ์จะย่ำแย่ แต่ผลประกอบการกลับตรงกันข้ามสิ้นเชิง เมื่อเบนจามิน แฟรงคลิน เกทส์ ตามหาขุมทรัพย์ล้ำค่า ที่บรรพบุรุษของเขาตามหามา 8 ชั่วอายุคน นั่นคือทรัพย์สินเพื่อเป็นทุนในการปฏิวัติสงครามที่ถูกซ่อนไว้โดยประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน, โทมัส เจฟเฟอร์สัน และ เบนจามิน แฟรงคลิน เขาจะต้องหาสถานที่เก็บสมบัติ พร้อมกับหารหัสลับในการเปิดขุมทรัพย์ ซึ่งซ่อนอยู่ในรัฐธรรมนูญให้พบ และแผนที่นี้เองจะพาเขาย้อนกลับไปยังสถานที่ที่ถูกเขียนขึ้นในวันประกาศอิสรภาพอเมริกา และเมื่อเข้าใกล้ความจริงเขาค้นพบเบาะแสสำคัญ รู้ที่ซ่อนของเบาะแสสุดท้าย ที่จะนำไปสู่ที่ซ่อนขุมทรัพย์ แผนที่ลับซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังคำประกาศอิสรภาพ เขาต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อหนีการไล่ล่าจากคู่ปรับและเจ้าหน้าที่รัฐบาล
แม้จะไม่ได้เป็นพล็อตหนังบู๊ออกแนวล่าสมบัติ แต่เนื้อหาสนุกมาก คำวิจารณ์ไม่มีผลอะไรเลยต่อผู้ชม เมื่อพวกเขารู้ว่าป๋า Cage กลับมาเล่นหนังฟอร์มยักษ์อีกรอบ มันเป็นการผจญภัยที่สนุกมาก ต้องเอาใจลุ้นช่วยพระเอกแม้ว่าเขาจะช่วยของจากทางการ แต่เขาก็ต้องปกป้องเพื่อไม่ให้สมบัติตกไปอยู่ในมือคนเลว จนในที่สุดรายได้เป็นอย่างที่คาดหวังหนังเลยมีภาคต่อตามมาในปี 2007