The Bourne Ultimatum (2007)
ปิดเกมล่าจารชน คนอันตราย
คะแนน
โกดังหนัง
มันคืองานที่ดีสุดตลอดกาลของแฟรนไชส์ชุดนี้
การเล่าเรื่องเข้มข้นฉากแอ็คชั่นดูสมจริง
คอหนังสายลับไม่ควรพลาดเรื่องนี้เด็ดขาด
คำคมจากภาพยนตร์
"I do decisions made in real time are never perfect." "การตัดสินใจในยามคับขัน มันก็ต้องมีผิดพลาด"
เรื่องย่อ
หลังจากความสูญเสียคนรักแถมยังถูกทางการและมือสังหารมากมายตามไล่ล่า แต่สุดท้าย เจสัน บอร์น กลับไปมีชือปรากฏบนหนังสือพิมพ์อีกครั้งแบบที่ไม่รู้ตัวและคนนี้เขาจะต้องหนีอีกครั้งจากกลุ่มคนที่ตามล่าคือกลุ่มคนที่ถูกสร้างมาเหมือนกันกับเขา
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Bourne Ultimatum เป็นงานที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดในแฟรนไชส์ชุดนี้ เนื้อหาเข้มข้น ทั้งฉากไล่ล่า การต่อสู้ในระยะประชิด การสืบปริศนาที่ตัวละครกำลังตามหาตัวต้นที่แท้จริง หรือการสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนคู่ต่อสู้ การเอาตัวรอดของบอร์นทำได้เหนือชั้น แฟนหนังที่ชอบเรื่องราวสายลับที่ไม่เว่อวังอลังการจะค่อนข้างประทับใจกับเนื้อหาหหนังเรื่องนี้แบบที่เรารู้สึก
- สายหนังแอ็คชั่นสายลับ
- สายหนังที่ชอบความโหดดิบเถื่อน
รีวิว / สรุปเนื้อหา
นี่คือหนังสายลับตามหาความจริงที่ดูสนุกไม่โอเวอร์หลุดกรอบ เจสัน บอร์น อยู่เฉยๆ แต่สุดท้ายเขากลับต้องออกมาสู้อีกครั้งหลังหลบซ่อนตัวจากการไล่ล่าเมื่ออยู่ดีๆก็มีข่าวเกี่ยวกับเขาไปพัวผัน มันเป็นกุญแจสำคัญที่พาเขาไปพบกับสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอด ทำไมถึงโดนตามฆ่าปิดปากอยู่ตลอดเวลา หนังช่วงแรกทำให้เรารู้สึกลุ้นระทึก แค่ฉากการต่อสู้เอาตัวรอดในแต่ละซีนก็เท่ห์แล้วได้เห็นทักษะการต่อสู้แบบมือเปล่า เตะ ต่อย โชว์ทักษะไหวพริบการเอาตัวรอด ที่บอกได้เลยว่าแม่งสมจริง สะใจกว่าเดิมไม่ต้องมีอาวุธไฮเทคอะไรมาก ยิ่งฉากไล่ล่ากันที่แม่งโคตรระทึก ด้วยมุมกล้องของหนังด้วยแหละเลยรู้สึกถึงความเรียลลิตี้ จนหนังแอ็คชั่นสายลับเลียนแบบตามมากมายในยุคหลัง
หนังพาเราไปตามไขปริศนาจากลอนดอน มาดริด โมร็อคโค หรือการคัมแบ็คอเมริกา ตัวละครเจสัน บอร์น ไม่ได้เหนือชั้นแค่ทักษะการต่อสู้เท่านั้น ไหวพริบเอาตัวรอด แต่ยังให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดเป็นเมื่อได้รู้ความจริงที่มาที่ไปของตัวเอง ฉากแอ็คชั่นเซ็ตมานอกจากการออกแบบดีแล้วในทุกๆโลเคชั่น กล้องทำให้เราตามติดตัวละครอย่าง บอร์น เพื่อเอาใจช่วยในทุกๆเหตุการณ์ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรื่องราวในภาคนี้จึงมีสเกลที่ใหญ่ขึ้น องค์กรเทรดสโตนหวังเก็บบอร์น ยกมาทั้งขบวน ทั้งนักฆ่ามืออาชีพ มือสมัครเล่น ฉากการต่อสู้นี่แหละมันเด็ดดวงของจริง
การแสดงของ Matt Damon ในภาคนี้เขายกระดับตัวเองไปอีกขั้น ภาคก่อนว่ายอดเยี่ยมแล้ว Bourne Supremacy แต่ภาคนี้เก่งกว่าเดิมหลายเท่า นักฆ่ามากี่คนคนเอาตัวรอดหมด มันไม่ใช่ว่าเขาเก่ง แต่บทบาทของหนังต่อยอดเนื้อหาให้สนุกโดยไม่จำเป็นต้องพยายามมากจนเกินไป และหนังนำไปสู่ความมันส์ที่มอบความสนุกให้ผู้ชมเต็มอิ่ม
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังเรื่องนี้ถ่ายทำกันใน 7 ประเทศ จาก 3 ทวีป
- ทีมงานใช้เวลา 5 เดือนเพื่อเจรจากับสถานที่วอเตอร์ลู ในลอนดอนเพื่อฉายทำหนังในสถานที่จริง