BODY SOB 19 (2007)
บอดี้..ศพ# 19
คะแนน
โกดังหนัง
ฉีกบทภาพยนตร์ไทยในแบบเดิมๆ จัดเต็มด้วย CG ที่ล้ำ (ในสมัยนั้น) สู่เรื่องราวสุดสยองผสมจิตวิทยาที่เฉลยเรื่องราวได้เฉียบเหลือเกิน
คำคมจากภาพยนตร์
“คิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว...”
เรื่องย่อ
ชลสิทธิ์ นักศึกษาหนุ่มที่มีความฝันประหลาดบ่อยๆ ถึงการได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เขาจึงพยายามไปขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ พร้อมกับตามหาผู้หญิงปริศนาคนนั้นเพราะเขาเชื่อว่าเธอต้องการที่จะบอกอะไรบางอย่าง ซึ่งการค้นหาความจริงครั้งนี้ก็ทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ บอดี้..ศพ#19 คือหนังไทยชั้นดีอีกเรื่องในแนวที่เราไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นมากนัก นั้นก็คือการเอาเรื่องราวสยองขวัญเข้ามาผสมกับจิตวิทยา ที่ทำให้หนังมีความหลอน ความน่าติดตาม และการที่ต้องมาตีความ ซึ่งการทำหนังแบบที่มีสัญลักษณ์เช่นนี้ก็เหมือนเป็นดาบสองคม สำหรับที่อยากเข้ามาดูหนังง่ายๆ แต่สุดท้ายก็ต้องมาจบลงด้วยความงง แต่ในอีกด้านหากใครที่ชอบความท้าทายรู้สึกเหมือนเดาใจผู้กำกับถูก ได้ตีความไปด้วย ใครที่ชอบหนังผีไทยๆ แต่มีลูกเล่นหน่อยอย่าง แฝด หรือ ลัดดาแลนด์ ก็ขอแนะนำอาจจะดูยากกว่าหน่อย แต่เชื่อว่าไม่เกินความสามารถครับ
- สายหนังสยองจิตวิทยา
- สายหนังผีไทย
- สายหนังสืบสวนระทึกขวัญ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
อีกหนึ่งความกล้าหาญของค่าย GTH ในสมัยนั้น ที่ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ ฉีกจากแนวหนังผีที่โผล่มาตุ้งแช่แบบทั่วๆ ไป และใส่ความเป็นจิตวิทยาเข้าไปมากขึ้น จนทำให้ตัวบทของหนังนั้นมีความซับซ้อน ชวนติดตามในแบบสากลเลยทีเดียว เพราะตลอดทั้งเรื่องนั้นมีสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เอาไว้ให้คนดูนั้น คอยเก็บรายละเอียดหรือตีความกันมารายทาง หากใครรวบรวมมาเป็นได้เป็นอย่างดี ก็จะเป็นกุญแจที่จะไขไปสู่ตอนจบของเรื่องราวได้แบบไม่ชวนเหวอมากนัก แต่ในทางกลับกันการดูแบบไม่สังเกตอะไรเลยก็ได้ความสนุกอีกอย่าง โดยปล่อยให้หนังลากเราไปจนรู้ตัวอีกที เราก็อ้าปากค้างไปกับบทสรุปของมันซะแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อหนังเลือกออกมาเช่นนี้ คนดูจึงถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือคนที่ดูแล้วเข้าใจ หรือพอเข้าใจเรื่องราวได้ กับอีกกลุ่มคือรู้สึก อิหยังวะ กับมันมากๆ ซึ่งคนที่เข้าที่เข้าใจนั้นโดยส่วนมากก็รักมันเลยทีเดียว เพราะไม่ได้มีโอกาสดูหนังแบบนี้เท่าไรนัก อีกทั้งในแง่ชั้นเชิงของการเล่าเรื่องให้ปริศนาชวนอยากรู้ก็น่าชื่นชม กับ 2 ตัวละครเอก ทั้งชลสิทธิ และหมอสุธี ที่แต่ละพาร์ทก็ต่างให้ข้อมูลกับคนดูที่ต่างมุมกันออกไป แต่พอเรื่องราวได้กลับเข้ามาผสานกันแล้ว ก็นับว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ
ส่วนที่น่าจดจำที่สุดของหนังคงหนีไม่พ้นเพลงประกอบ “คิดถึงเธอทุกที (ที่อยู่คนเดียว) ที่กลายมาเป็นความหลอนติดหูในชนิดที่ว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ความรู้สึกที่มีต่อเพลงนี้ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล และรู้สึกวังเวง ชวนขนคอลุกทุกครั้งที่อยู่คนเดียวตอนที่ได้ยินเพลงนี้ นอกจากนี้หนังยังมีการจัดเต็มในส่วนของงาน CG ที่ใส่มาแทบทั้งเรื่อง ซึ่งหากมองในแง่สากลก็ยอมรับแหละว่ามันยังไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ในแง่หนังไทยก็ถือว่าเอาปรับใช้ได้อย่างโอเคแล้ว ทำให้ภาพรวมของหนังที่จัดได้ว่าดี และไม่เหมือนใครมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียดายด้วยรายได้ประมาณ 30 ล้าน ก็ทำให้ดูเหมือนไม่มีใครอยากจะลงทุนกับแนวนี้อีกในเมื่อทำหนังตลกได้เงินง่ายกว่าถึงระดับ 100 ล้านบาท
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เป็นหนังไทยที่ได้รับรางวัลเอฟเฟคยอดเยี่ยมจากเวทีสุพรรณ์หงษ์ในปี 2550 จากการเข้าชิงถึง 9 รางวัลในปีนั้น
- เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ แห่งวง Slur ก่อนที่จะเข้าวงการมาแบบเต็มตัว