เรื่องย่อ

คนแปลกหน้า 6 คนที่ต่างที่มากันนั้น ได้รับกล่องปริศนาที่เชิญชวนให้พวกเขาเข้ามาร่วมเล่นเกมไขปริศนาออกจากห้อง เพื่อพิชิตเงินรางวัล $10,000 ด้วยความที่พวกเขาก็คิดว่าน่าจะเป็นการหาเงินแบบง่ายๆ และน่าสนุกเลยเข้ามาร่วมกันเล่น จนกระทั่งได้พบว่าเกมที่พวกเขากำลังเล่นนั้น อาจต้องเดิมพันด้วยชีวิต เลยทำให้พวกเขาต้องร่วมมือกันเอาตัวรอดกันแทน

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Escape Room น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบหนังสายเอาชีวิตรอด ฝ่าด่าน ฝ่ากับดักต่างๆ ในแบบที่อยากดูแบบบันเทิงเบาๆ ไม่ต้องโหดเลือดสาดอะไรมาก ในแง่ดีก็คือเรื่องนี้คือตอบโจทย์สายนี้เลย แต่สำหรับคอหนังสายโหดติดเรทนั้นก็อาจจะรู้สึกว่ามันเบาไปเสียหน่อย แต่ถึงอย่างไรมาก็ชดเชยมาในแง่ความสร้างสรรค์ผ่านการออกแบบห้องต่างๆ ในออกมาดูน่าสนใจ และเพลิดเพลินไปกับปริศนาในห้องเหล่านั้นได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าหนังอาจจะไม่โหดร้ายเท่า Saw หรือ The Cube แต่ก็มีความเฉพาะตัวให้น่าติดตามอยู่ดี

• สายหนังระทึกขวัญเอาชีวิตรอด
• สายหนังระทึกขวัญไขปริศนา
• สายหนังพล็อตเรื่องเจ๋ง

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ด้วยกระแสกิจกรรมอย่าง Escape Room หรือเกมการไขปริศนาออกจากห้องนั้น กำลังเป็นที่นิยมในหลายๆ ประเทศ เลยมีหนังที่หยิบเอากิมมิคนี้ มาผสมผสานกับหนังประเภทสยองขวัญกับดักสุดอันตรายอย่าง The Cube หรือ Saw เลยได้ออกมาเป็นส่วนผสมที่น่าสนใจอย่างเรื่องนี้ จากพล็อตเรื่องแบบสูตรเดิมๆ ที่ว่าด้วยคนแปลกหน้าทั้ง 6 ที่หวังจะมาเล่นเกมชิงเงิน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเกมที่ทุกคนต้องร่วมมือกันเอาชีวิตรอดไปด้วยกัน

ด้วยความหลากหลายของแต่ละห้องที่มีรูปแบบ และการเดินเรื่องที่ค่อนข้างไว เลยทำให้เราสนุกไปกับปริศนาและเรื่องราวของแต่ละห้องได้เป็นอย่างดี กับการค่อยๆ หาเบาะแสภายในห้องนั้นของตัวละคร เพื่อลุ้นว่าจะออกไปได้อย่างไร โดยที่ไม่ตายไปเสียก่อน อีกทั้งในห้องต่างๆ นั้นก็มีงานโปรดักชั่นชั้นดี ออกแบบมาสวยและชวนค้นหาเป็นอย่างมาก จนทำให้คนดูสายบันเทิงนั้น น่าจะสนุกไปกับงานภาพของหนังไปด้วยในทุกๆ ด่านที่ออกมา

แม้ว่าหนังจะมีพล็อตเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่นัก กับตอนจบที่ไม่เกินคาดเดาเท่าไร เลยทำให้คอหนังหลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่ามันค่อนข้างเดิมๆ ไปสักนิด ประกอบกับตอนจบแบบทุบหม้อข้าวไปสักหน่อย แต่ส่วนตัวก็ยังรู้สึกว่าหนังมีแง่มุมความบันเทิงมากมายที่ทำให้มันดูสนุก และสามารถต่อยอดเป็นแฟรนไชส์ที่ดีได้ในอนาคต ไม่ต่างจากรุ่นพี่อย่าง Saw หรือ The Cube ได้เลย ในแง่ของงานโปรดักชั่นที่ดีงามกว่า แถมยังเป็นมิตรกับคนดูที่ไม่ใช่คอหนังสายโหดสยองมากเท่าอย่างที่ว่ามา เพราะหนังแค่เรท 15 เท่านั้น