Life on Mars (2018)
ไลฟ์ออนมาร์
คะแนน
โกดังหนัง
ไขคดีได้สนุกมีชั้นเชิงซับซ้อนซุกซ่อนปริศนาใหม่ๆตลอดทาง ผสมผสานความเพี้ยนๆของตัวละครปรุงแต่งออกมาได้กลมกล่อม คนชอบงานสืบสวนสอบสวนไม่ควรพลาด
คำคมจากภาพยนตร์
"สมองของมนุษย์มีความทรงจำแค่ 5% ส่วนที่เหลือถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก มันเป็นกลไกการป้องกันตัวเองของมนุษย์จากความทรงจำไม่ดี เพราะฉะนั้นอย่าไปจำทุกอย่างเลย บางความทรงจำลืมมันไปเสีย ดีกว่าจะจดจำมันได้"
เรื่องย่อ
เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2018 ของ ฮันเเทจู ตำรวจสืบสวนไล่ล่าฆาตกรแล้วอยู่ดีๆก็โดนลอบทำร้ายอาการสาหัส และอยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาในปี 1988 ที่ในยุคนั้นยังมีฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุด้วยวิธีการเดียวกัน และเขาก็เริ่มต้นใช้ชีวิตในยุคอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว พร้อมกับหาหนทางที่จะกลับไปยังปัจจุบันให้ได้อีกครั้ง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Life On Mars เป็นซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนที่แฟนหนังสไตล์นี่้ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด แม้ว่าจะเป็นงานรีเมคแต่ก็พิสูจน์แล้วว่างานชุดนี้ถูกปรุงแต่งเล่าเรื่องได้เป็นแบบฉบับของเกาหลีเองโดยไม่มีความซ้ำซากจำเจ พล็อตเรื่องที่สนุกเข้มข้มซับซ้อน เส้นเรื่องสับขาหลอกคนดูตลอดเวลา คดีฆาตกรรมมากมายมาทำให้คนดูไขว่ไขว้หลงทางอยู่เป็นประจำ 16 ตอน ค่อยๆพูดถึงตัวละครจากไม่ชอบขี้หน้าขัดแย้งกันกลายเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ขาดกันไม่ได้ จุดเด่นคือเนื้อหาดาร์คลึกลับซับซ้อน แต่ก็มีความตลก สอดแทรกวัฒนธรรมเกาหลียุค 80 ที่อยู่ในยุคมืดตำรวจต้องใช้สัญชาติยานไขคดีจับตัวคนร้ายซึ่งมันไม่ได้ทันสมัยเหมือนโลกยุคปัจจุบัน ถ้าคุณชื่นชอบ Signal ยังไงซะเรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาด
รีวิว / สรุปเนื้อหา
เป็นซีรีส์สืบสวนสอบสวนล่าฆาตกรที่สนุกเพราะเส้นเรื่องทั้งหมด 16 ตอน มันโยงใยเชื่อมทุกอย่างไว้ยังกับตัวพระเอก เส้นเรื่องที่เหมือนกันคือฆาตกรโรคจิตหาเหยื่อลงมือสังหารเป็นผู้หญิงและมักทิ้งเบาะแสที่ใกล้เคียงกัน แต่มันสนุกตรงที่ว่าเมื่อย้อนเวลามาอยู่ในอดีตวิทยาการในยุคปี 1988 มันไม่ได้ทันสมัย เกาหลียังดูล้าสมัย ตำรวจก็ดูบ้าพลัง เน้นใช้ความรุนแรงตั้งใจเป็นใหญ่เล่นงานคนร้าย แถมตำรวจหญิงก็มีหน้าที่เหมือนคนชงกาแฟเก็บเอกสารอีก ยุคนั้นการสืบสวนไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย ไม่มีหลักนิติวิทยาศาสตร์ ไม่มีกล้องวงจรปิดหาเบาะแสคนร้าย การไขคดีเลยเป็นงานยาก ตำรวจต้องใช้สัญชาติยาน ใช้ไหวพริบช่างสังเกตุ และต้องทำงานอย่างรวดเร็วในการสืบหาพยานแวดล้อม เรียกว่ามันเป็นการทำงานที่พระเอกเหนื่อยมาก เขามาจากโลกที่พัฒนาแล้วมันทำให้ต้องรอบคอบหนักกว่าเดิม นอกจากนี้เขายังต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองให้คนรอบข้างที่ไม่ได้ชอบขี้หน้าไม่ได้ชอบหลักการวิเคราะห์ทำคดีเชื่อว่าเขามีฝีมือมีคุณภาพมากพอที่จะเกิดความไว้ใจเชื่อใจอีกตั้งหาก
ระหว่างทางซีรีส์ชุดนี้มันพลิกไปพลิกมา คาดเดาอะไรไม่ได้ เหมือนจะหลอกล่อคนดู 1 ก้าวเสมอ เส้นเรื่องไม่ได้เครียดซีเรียสจนเกินไป มันกลายเป็นว่านี่คือ Memories of Murder เวอร์ชั่นซีรีส์ที่ดูเบาบางมากกว่า ตอนแรกเข้าใจว่าคงเป็นการย้อนอดีตแต่มันกลายเป็นว่าทุกเบาะแสในอดีตมันเชื่อมโยงกับตัวฆาตกรไปหมดเลย พอต้อนเรื่องราวไปจนมุมมันมักจะมีประเด็นใหม่ๆ เบาะแสใหม่ๆก้าวเข้ามาอยู่เสมอ ต้องยกเครดิตให้กับทีมเขียนบทหนังที่ทำให้แต่ละตอนสนุกไม่ซ้ำซากจำเจ การสร้างโลกจำลองในปี 1988 ก็ทำออกมาได้ย้อนยุค การจัดวางสถานการณ์ต่างๆพยายามทำให้ใกล้เคียงกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเกาหลีในช่วงเวลานั้น ซึ่งเราได้เห็นทัศนคติตัวละครทั้งตำรวจและฆาตกรโรคจิตในเรื่องที่มีความหวาดกลัวมีปมในใจ เพราะสภาพสังคมเกาหลีเองก็ไม่ได้มีอิสระมากในเวลานั้น มีจุดหนึ่งที่รู้สึกได้ก็คือตำรวจชั้นพูดน้อยทำงานหนักแทบตาย คนได้หน้าดันเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่วันๆไม่ทำอะไรเลย พอมีเครดิตเข้าใกล้เบาะแสก็พร้อมจะฉกฉวยผลงานไปเป็นของตัวเองได้ทุกเมื่อ หรือแม้กระทั่งตำรวจชนชั้นสูงมักพร้อมจะเอาใจมาเฟียคนมีอิทธิพลหรือเล่นงานจับคนจนมากกว่า ซึ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมความเหลื่อมล้ำในสังคมเกาหลีที่มีให้เห็นจนชินตาจากอดีตไปจนถึงปัจจุบัน
หนังนำเสนอได้ค่อนข้างสนุกมีมิติผ่านตัวละครที่มีหลากหลายอารมณ์สนุกไร้สาระกดดัน โดยนักแสดงนำอย่าง Jung Kyung-ho ที่ได้รับโอกาสเป็นตำรวจไขคดีล่าตัวคนร้ายที่มีการเชื่อมโยงประเด็นอดีตและปัจจุบัน เขาคือคนจากโลกยุคใหม่ที่ต้องแบกรับปัญหาต่อสู้กับโลกยุคเก่าที่ไม่มีความล้ำสมัย มีแต่ความล้าหลังเน้นใช้พลังกำลังเน้นใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา มันเลยสะท้อนความคิดแบบคนยุคหลังที่ไม่พร้อมไม่กล้าเผชิญหน้าไม่เปิดใจรับอะไรใหม่ๆ คิดว่าตัวเองใหญ่สุดยึดถือตัวเองเป็นที่ตั้ง ตัวละครหลักต้องงัดความรู้มุมมองความคิดแบบสมัยใหม่ การสืบเสาะหาเบาะแสเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ใช่เรื่องเหลวไหล การแสดงของ Jung มีความสุขุมนิ่งเยือกเย็น แต่ในเวลาเดียวกันก็เปิดพาร์ทปมปัญหาชีวิตของตัวละครที่พาผู้ชมไปสัมผัสจุดเชื่อมโยงกับอาชญากรหลักที่จ้องจะหาเรื่องบดขยี้เขาตลอดเวลา, Park Sung-woong นายตำรวจบ้าพลังที่เน้นใช้ความรุนแรง ใจนักเลงหนุนหลังลูกน้อง เน้นใช้กำลังแก้ปัญหา ยึดถือตำแหน่งตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด การมีตัวละครนี้คือขั้วตรงข้ามพระเอกที่พอเจอกันสนุกทั้งทำคดีหาตัวฆาตกรแล้วยังต้องมาฟัดกันด้วยวาจา, Go Ah-sung ในบทตำรวจหญิง ที่ยุคก่อนคือคนทำงานเอกสาร แต่เรื่องนี้มอบมุมมองใหม่ๆสาวตัวเล็กแต่บู๊แหลกไม่เกรงใจใคร ไม่คาดคิดว่าบทเด็กสาวใน The Ghost จะมาไกลได้ขนาดนี้เลยจริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ซีรีส์ดัดแปลงมาจากเวอร์ชั่นอังกฤษปี 2006
- BBC เจ้าของสิทธิ์ซีรีส์ต้นฉบับเอ่ยปากชื่นชมเวอร์ชั่นเกาหลีที่มีเอกลักษณ์นำไปสร้างใหม่โดยที่มีความเป็นตัวเอง