Detective Chinatown 3 (2021)
แก๊งม่วนป่วนโตเกียว
คะแนน
โกดังหนัง
หนังไขคดีที่จัดจ้านจัดเต็มไปด้วยความฮาแบบไม่บันยะบันยัง แถมพล็อตเรื่องที่สลับซับซ้อนเข้มข้น ไขคดีมี่เฉียบขาดแยบยลพร้อมบทสรุปที่เหนือชั้นแบบที่ผู้ชมคาดไม่ถึง
คำคมจากภาพยนตร์
"ความยุติธรรมต้องแลกมากับการเสียสละ"
เรื่องย่อ
เกิดเหตุอาชญากรรมครั้งใหญ่ในนครโตเกียว คู่หูนักสืบแก๊งม่วนชื่อกระฉ่อน ถังเหริน และ ฉินเฟิง สองลุงหลานจึงได้รับการเชื้อเชิญให้มาสืบคดีดังกล่าว ร่วมกับ โนดะ ฮิโรชิ นักสืบตัวท็อปของญี่ปุ่น ทำให้งานนี้กำลังจะกลายมาเป็นมหกรรมการต่อสู้ระหว่างนักสืบที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเอเชีย และมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ฮาเกินพิกัด
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Detective Chinatown เปรียบเสมือน Sherlock Holmes เวอร์ชั่นเอเชียที่ออกแนวตลกโป๊กฮาสนุกสนานย่อยง่าย น่าจะถูกอกถูกใจคอหนังหลายๆ คนเป็นอย่างดี ด้วยการใส่จังหวะเรื่องราวที่ตื่นเต้น น่าติดตาม ชวนอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วรูปคดีจะออกมาอย่างไร ด้วยการใส่แอคชั่นที่มีสไตล์เฉพาะตัวเข้ามาด้วย ก็ยิ่งเพิ่มสีสันให้กับหนังไปกันใหญ่ ถ้าคุณชอบหนังสืบสวนในแบบสมัยใหม่ อย่าง Murder on The Orient Express หรือหนังชุด Robert Langdon (Davinci’s Code) หรือ Sherlock Holmes แล้ว ก็น่าจะชอบหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
- สายหนังตลก
- สายหนังสืบสวนระทึกขวัญ
- สายหนังแอคชั่นสืบสวน
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หลังจบ Knives Out 2 พยายามไปไล่หาไล่ดูหนังสืบสวนสอบสวนหลากหลายแนวหลากหลายสไตล์ เหตุผลหลักๆ ไม่อยากดูโครงเรื่อง Whodunit อย่างเดียว แต่อยากมองหาความแปลกใหม่ และดันมาเจอหนังเอเชียมาดกวนอารมณ์ดี มีกลิ่นอายแนวนักสืบที่แม่งโคตรจะซับซ้อนสุด ที่สำคัญหนังเรื่องนี้มันครบเครื่องในแง่ของความบันเทิง ที่เรากล้าบอกว่าไปดูซะเถอะรับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง จุดที่ทำให้ Detective Chinatown น่าสนใจคือเนื้อหาเป็นเส้นเรื่องใหม่จบในตอน ไม่ต้องดูภาคเก่าทำความรู้จักตัวละครก็สามารถเพลิดเพลินกับเนื้อหาได้สบายหายห่วง แฟรนไชส์นี้มีมาแล้ว 2 ภาค การสืบสวนไขคดีออกแนวตลกเปลี่ยนโลเคชั่นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และภาค 3 คดีเกิดขึ้นที่โตเกียว เมืองแห่งวัฒนธรรมที่ผู้คนทั่วโลกต่างหลงรักกลิ่นอายผู้คนชาวบูชิโด
พื้นฐานของหนังเรื่องนี้คือไขคดี ตัวละครนำออกแนวตลกเพี้ยนๆ ผลลัพธ์เลยมีกลิ่นอายความเป็น เชอร์ล็อค โฮมส์อยู่หน่อยๆ เนื้อหาจึงชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามกับปริศนาที่รอกลุ่มนักสืบอยู่ข้างหน้าที่ดูสลับซับซ้อน มันเป็นความสนุกที่เราไม่ต้องไปคาดเดาคาดหวังอะไรให้มากความ บทหนังเองก็ขับเคลื่อนให้เราได้สนุก สับขาหลอกคนดูได้สนุกมาก มีการหยอดมุกตลก ฉากฮามาสร้างสีสัน หรือการปั่นป่วนของคนร้ายที่ชอบแวดล้อมในญี่ปุ่นได้ฉลาด จนแก๊งค์นักสืบทั้งลุงและหลานไหวตัวแก้เกมแทบไม่ทัน รู้สึกว่าภาคนี้ทำออกมาได้ลุ้นระทึกดี การไขคดีความในภาคนี้น่าติดตาม เพราะคนร้ายก็แสบวางกับดักไว้เพียบ ตามสถานที่ต่างๆทั่วเมืองโตเกียว พอเราไปทัวร์เมืองหลวงเยอะแยะไปหมดหลากหลายโลเคชั่น แค่ฉากโปรยแบงก์ใจกลางชิบูย่าก็เหนือความคาดหมาย แถมหลอกล่อทั้งนักสืบและผู้ชมได้เยี่ยมยอดมาก
มาพูดถึงทีมนักแสดงกันบ้าง ถ้าหากไม่มีพวกเขาก็ไม่มีทางทำให้หนังได้รสชาติที่ฮากร๊ากยืนยาวได้ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม ไฮไลท์คงไปอยู่ที่ หลิว ห่าวหราน นักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงวงการบันเทิงจีนที่มองดูไกลๆนึกว่า ทอย ปฐมพงศ์ พระเอกจาก GMMTV ที่คาแรกเตอร์น่าเชื่อถือไหวพริบดีช่างสังเกตุ แถมบทหนังเองก็สร้างสถานการณ์ทำให้เขาเจอเหตุการณ์พลิกผัน เป็นตัวละครที่ทำงานหนักเพื่อไขคดีและมีบทบาทที่น่าจดจำกว่าในบรรดานักสืบทั้ง 4 คน, หวัง เป่าเชียง ตัวฮาประจำกอง พี่แกนี่สายป่วนที่เรียกรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้คนดูอย่างไม่ต้องสงสัย ซาโตชิ ซึมาบุกิ นักสืบญี่ปุ่น หน้าหล่อแต่เหลี่ยมจัดเจ้าเล่ห์ ฉลาดเป็นกรด ช่วยซัพพอร์ทตัวละครอื่นๆได้เยอะ เพราะเขาคือคนที่มาช่วยคลี่คลายปมต่างๆ แต่ที่ฮาสุดคือพี่จา พนม เพราะว่าแม้จะเป็นบทสมทบ ทุกซีนที่แกออกมา แกมาเต็มสร้างสีสันให้ผู้ชมอย่างเราถึงขีดสุด แบบที่เราเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่คิดว่าจะมีมุมแบบนี้ลบภาพแอ็คชั่นสตาร์สายบู๊ไปหมดเลย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังกวาดรายได้ไปมากถึง $686 ล้านเหรียญ เป็นหนังรายได้อันดับ 6 ของปี 2021
- หนังเรื่องนี้บทพูดมี 3 ภาษา อังกฤษ จีน และ ญี่ปุ่น