Ted (2012)

หมีไม่แอ๊บ แสบได้อีก

Ted Poster
7/10

คะแนน
โกดังหนัง

ความสัมพันธ์ของคนและตุ๊กตาหมี ที่จะมาทำลายความฝันวัยเด็ก ด้วยความ ห่าม เสื่อมแต่ก็เต็มไปด้วยมิตรภาพของผู้ชาย

หมวดหมู่ : Comedy
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Seth MacFarlane
ความยาว : 1 ชั่วโมง 46 นาที
นักแสดงนำ : Mark Wahlberg, Mila Kunis, Seth MacFarlane

คำคมจากภาพยนตร์

"Friendship isn’t about being inseparable but about being separated and knowing nothing will change."
“มิตรภาพมันไม่ได้เกี่ยวกับความห่างเหินกันหรอก แต่มันอยู่ที่แม้ว่าจะแยกจากกันแต่ยังรู้ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงต่างหาก”

เรื่องย่อ

ในวัยเด็กนั้น จอห์น ผู้ที่ชีวิตไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ในวันเกิดเขาจึงอธิษฐานขอเพื่อนสักคน และพรนั้นก็กลายเป็นจริง เมื่อของขวัญตุ๊กตาหมีที่เขาได้มานั้น กลายมาเป็น เท็ด ที่มีชีวิตและจิตใจ ทั้งคู่เติบโตมาด้วยคำสัญญาที่จะไม่แยกจากกัน จนกระทั่งจอห์นอายุ 35 ปี เขาก็ได้พบรักกับ คอลลินส์ และได้มาคบกัน จนทำให้ความสัมพันธ์ที่เขาและเท็ดมีด้วยกันมาก็ต้องมาเริ่มสั่นคลอน เพราะ จอห์น ก็เริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองมากขึ้น

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Ted นั้น คงไม่เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาหนังใสๆ ระหว่างคนกับตุ๊กตาหมี ตามที่เห็นหน้าปกแน่ๆ เพราะมันเองก็เป็นหนังที่แปะด้วยเรท R และอุดมไปด้วยมุข เสื่อม ถ่อย อยู่ตลอดทั้งเรื่อง จนลบภาพตุ๊กตาหมีที่แสนน่ารักกันไปเลย แต่สำหรับคนที่ต้องการหนังตลกติดเรทแบบเสื่อมๆ อยู่แล้ว หรือชอบงานตลกสไตล์ผู้ใหญ่หน่อย ผสมกับเรื่องมิตรภาพแบบผู้ชาย เหมือนอย่างหนังตระกูล The Hangover หรือชุด Jump Street แล้ว คิดว่า Ted น่าจะเป็นหนังสไตล์ที่คุณชอบได้เลย

  • สายหนังตลกติดเรท
  • สายหนังมิตรภาพลูกผู้ชาย

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ด้วยความที่ผู้กำกับอย่าง Seth MacFarlane นั้น เคยมีผลงานเขียนบทในอนิเมชั่นซีรี่ส์สำหรับผู้ใหญ่ชื่อดังมาก่อน อย่าง Family Guy, American Dad! ก็เลยเชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างดี กับการเอาสิ่งที่ดูเหมือนทำมาสำหรับเด็ก มายำให้กลายเป็นคอนเทนท์ติดเรทสำหรับผู้ใหญ่ได้แบบลงตัว ซึ่ง Ted ก็เป็นหนังที่เข้าข่ายประเภทนั้น เพราะแม้ว่าจะมีตุ๊กตาหมีสุดน่ารักเป็นตัวนำเรื่อง แต่พฤติกรรมของมันกลับตรงข้ามกับภาพลักษณ์เสียเหลือเกิน เลยเป็นความย้อนแย้งอย่างสุดๆ กับภาพลักษณ์และพฤติกรรมของเจ้าตุ๊กตาหมีตัวนี้

โดยจุดเด่นของหนังก็คือความ ”ตลก” แบบติดเรทที่สวนกับความน่ารักของมันนี่แหละ ที่ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำหยาบคาย ติดยา หมกมุ่นเรื่องเซ็กส์ จนเอามาสร้างเป็นมุขตลกทางด้านพฤติกรรมได้เอาฮาได้อย่างไม่หยุดไม่หย่อน รวมถึงความแปลกใหม่ที่ยังไม่ค่อยเห็นหนังเรื่องไหนเล่าเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนด้วย ทำให้จริงๆ แล้วแค่เราเห็นพฤติกรรมตรงข้ามกับภาพลักษณ์ภายนอกของเจ้าตุ๊กตาหมีตัวนี้ทีไร ก็อดขำไม่ได้ทุกที จากความตรงข้ามของสิ่งที่เกิดขึ้นจากทั้งแนวคิด ทัศนคติ และวิธีการพูดการจาของมัน ที่เรียกได้ว่ากาวได้สุดมากๆ

ในมุมดาราก็เรียกได้ว่าคิดถูกมาก ที่เลือกใช้มาร์ค วอล์เบิร์ก มาเป็นนักแสดงนำ และการเอาตัวผู้กำกับเองมาพากษ์เป็นเสียงเจ้าหมีเท็ด เพราะทั้งคู่มีเคมีที่เข้ากันดี และต่อบทสนทนากันได้ดีเหลือเกิน แต่ส่วนที่นำให้หนังน่าสนใจขึ้น ก็เกิดจากที่ตัวหนังมันไม่ได้ขายแค่ความตลกเท่านั้น แต่ยังพูดถึงการเติบโตของตัวเอกที่จะต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในโลกแห่งความจริง และไม่ยึดติดกับเท็ดตลอดไป รวมไปถึงในเรื่องของการจัดการความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่เอาจริงๆ เปรียบแล้วก็ไม่ต่างกับชีวิตของคนทั่วไปสักเท่าไร ที่มีเพื่อนสนิท แต่พอมีแฟนก็อาจกลายเป็นให้เวลาแฟนจนต้องเริ่มห่างเหินจากเพื่อนไป ซึ่งถ้าเพื่อน หรือแฟนไม่เข้าใจก็อาจกลายเป็นปัญหาแบบในหนังตามมาได้ 

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Seth MacFarlane นั้นทุ่มเทจิตวิญญาณให้กับหนังเรื่องแรกของเขาเรื่องนี้มากๆ จนเรียกได้ว่าควบแทบจะทุกตำแหน่ง ทั้งเป็นผู้กำกับ เป็นคนเขียนบท เป็นคนพากษ์เสียงเท็ด ทำ Motion Capture ให้เจ้าหมีเท็ด แถมยังเป็นคนแต่งเพลง "Everybody Needs A Best Friend" ให้กับหนัง จนได้เข้าชิงออสการ์สาขา Best Achievement in Music Written for Motion Pictures, Original Song อีกด้วย อะไรจะครบปานนี้
  • ตอนแรก Seth MacFarlane กะว่าจะทำ Ted เป็นอนิเมชั่นลงทีวีเหมือนงานก่อนๆ ของตัวเอง แต่ดูแล้วการทำเป็นหนังน่าจะเวิร์กกว่าเลยปั้นคือจอเงินซะเลย
  • หนังกวาดรายได้มาให้ค่าย Universal ได้เป็นอย่างมาก จากทุนเพียง 50 ล้านเหรียญ แต่กวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 549 ล้านเหรียญ จนเรียกได้ว่าทำรายได้มากกว่าหนัง Blockbuster ใหญ่ๆ ของค่ายหลายๆ เรื่องในปีนั้นเสียอีก