เรื่องย่อ

ลอร่า นักศึกษาชาวฟินนิช หลีกหนีความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงจากมอสโคว ด้วยการขึ้นรถไฟมุ่งหน้าไปยังมูร์มันส์ค เมืองท่าอันหนาวเหน็บริมมหาสมุทรอาร์คติก ลอร่าบอกใครๆ ว่าเป้าหมายของการเดินทางเพื่อต้องการดูภาพแกะสลักหินโบราณ แต่ลึกๆ แล้ว เธอหวังว่าระยะทางอันยาวไกล และความเย็นยะเยือกของอากาศ จะช่วยให้ใจช้ำๆ ของตนเองด้านชา แต่ใน “ตู้รถไฟหมายเลขหก” ตู้นั้น...หัวใจของลอร่ากลับอบอุ่นมาขึ้นอีกครั้ง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Compartment No.6 เป็นหนังรักโรแมนติกที่นำเสนอเรื่องราวได้น่าสนใจ หนังสร้างฉากหลังเป็นยุค 90 ที่รัสเซียไม่ใช่สหภาพโซเวียต ปล่อยให้ตัวละครเจอกันบนรถไฟ หนังเล่าเรื่องแบบฟิล์มโทนเป็น 90 หนังเปิดเรื่องเหมือนละครไทยที่ตัวละครไม่ถูกกันแต่จะทำให้พวกเขาต้องมารู้จักกันในแวดล้อมที่โดนบังค้บ ก่อนจะมาพร้อมกับความเหงาของตัวละคร 2 คน คนหนึ่งเดี่ยวดายอีกคนเหงาเพราะไม่มีใครมาด้วย แม้ว่าบทหนังจะยังค่อนข้างน้ำเน่านิยาย แต่มูดแอนด์โทนหนังกลับโรแมนติก มีความคล้ายๆ Lost in Translation, Before Sunset แถมโลเคชั่นอาการที่หนาวเย็นยิ่งขับเคลื่อนให้หนังดูแล้วอินตามไปด้วย คอหนังรักแบบดาร์คๆน่าจะดูเรื่องนี้แล้วชอบใจได้ไม่ยาก

• สายหนังรักโรแมนติก
• สายหนังโรแมนติกดราม่า

รีวิว / สรุปเนื้อหา

1 ในหนังคุณภาพที่ติดโผหนังยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การชมในปี 2021 จากสื่อและนักวิจารณ์แถวหน้าวงการหนังหญิงสาวคนหนึ่งรู้สึกเซ็งที่แผนการไปเที่ยวพักผ่นที่จะไปกับคนรักเหลือเพียงแค่เธอที่ไปคนเดียว จากแผนที่วางไว้ดิบดี มันเลยเกิดเป็นความเหงาความผิดหวัง ตัวคนเดียวเดินทางขึ้นรถไฟพร้อมกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากๆ ทริปที่เดิมน่าจะแสนหวานกลายเป็นความเหี่ยวเฉาไปทันที โบกี้ขบวนรถไฟกลับนำพาเธอไปพบชายคนหนึ่งบุคลิกดูไม่น่าไว้วางใจ หัวสกีนเฮดเหมือนคนขี้เมาแถมยังดูเพี้ยนๆ เมื่อเจอเพื่อนร่วมงานแบบนี้ยิ่งเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวบอกเลยว่ามันยากที่จะทำใจที่อยู่ห้องนอนเดียวกันได้ การเจอกันครั้งแรกเต็มไปด้วยความอยากหนีไปให้พ้น แต่ทว่าเมื่อตู้นอนเต็มไม่มีที่ไหนว่าง แถมสภาพอากาศมันก็หนาวเย็นอีกมันบีบให้เธอจำใจต้องร่วมทางไปกับชายหนุ่มคนนี้แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตัวละครผู้หญิงมีความอคติกับชายแปลกหน้าและก็ตัดสินว่าเป็นคนไม่ดีในทีแรก แต่ทว่าสถานการณ์บวกกับอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ทั้ง 2 คนต้องมาทำความรู้จักกัน หญิงสาวแค่อยากไปเที่ยวในทริปส่วนชายหนุ่มแค่เดินทางจะไปทำงาน การเดินทางในครั้งนี้จากเดิมที่ฝ่ายหญิงรังเกียจผู้ชายแปรเปลี่ยนเป็นการละลายพฤติกรรมออกไปเมื่อรถไฟเคลื่อนขบวนเข้าไปยังรัสเซีย มิตรภาพจากคนแปลกหน้าถูกหยิบยื่นมายังหญิงสาว ชายหนุ่มอาจจะมีบุคลิกที่ดูไม่ดีขี้เมาดูเป็นพวกหัวขโมยชนชั้นแรงงาน แต่เคมีความเป็นเพื่อนมนุษย์เชื่อมต่อระหว่างเขาและเธอ จากคนเหงาๆ 2 คน กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดีเกิดขึ้นทันใด ปลายทางของทั้งคู่มีจุดหมายที่แตกต่าง แต่มิตรภาพระหว่างทางทำให้เขาและเธอคลี่คลายความอคติครั้งแรกที่เจอกันลงไปทันที เราเองไม่สามารถจัดสินคนอื่นจากความรู้สึกส่วนตัวครั้งแรกที่เจอกันได้ บางคนอาจสร้างภาพและเฉลยความเลวทราม แต่หนังเรื่องนี้สื่อสารให้เราเห็นว่าคนจะดีจะเลวไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์แต่อยู่ที่ว่าระยะทางที่ผ่านมา เราแสดงฐานะแท้ตัวตนที่แท้จริงให้อีกฝ่ายจดจำเรายังไงมากกว่า

หนังมีความเหงามีความรัก มีแพชชั่นตัวละครที่จูนกันได้ลงตัว บรรยากาศบนรถไฟทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนว่าความสัมพันธ์มิตรภาพเกิดขึ้นได้แบบชั่วข้ามคืน หนังนำเสนอภาพการเดินทางของคนยุโรปที่ใช้รถไฟเป็นสื่อการในการเดินทางแล้วฉายภาพให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของคน 2 คน ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเป็นคนแปลกหน้า แต่มีน้ำใจช่วยเหลือกันและกัน หนังเป็นเรื่องราวของฟินแลนด์ แต่โลเคชั่นมันอยู่ในรัสเซีย ภายใต้อากาศที่หนาวเย็นแต่เนื้อหามันดูอบอุ่นมาก ความรักความสัมพันธ์ที่มอบให้แก่กัน ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งอยากมอบความรู้สึกดีๆให้หญิงสาว ขณะที่อีกคนก็แค่มาเที่ยวเพื่อกลบความเซ็งจากคนรัก มันเลยกลายเป็นหนังรักคนแปลกหน้าที่ไม่หวาน ไม่ขมจนเกินไป ไม่ได้หวานโรแมนติกแบบ Before Sunrise ที่เจอกันบนรถไฟ แต่หนังกลับเชื่อมโยงพฤติกรรมความรักความสัมพันธ์ของคนเจนนี้ไว้ได้ดี ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนมาก แค่ขอมีความรู้สึกดีๆให้กันก็พอเดินร่วมทางไปพร้อมๆกัน แล้วพอพบเป้าหมายที่แท้จริงว่าชีวิตต้องการอะไรแล้วก็แยกย้ายออกมาบอกลากันแบบเรียบง่ายเหลือเพียงแค่ความทรงจำที่ดีต่อกันก็พอแล้ว