Where We Belong (2019)
ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า
คะแนน
โกดังหนัง
บทหนังเล่าเรื่องได้เฉียบขาดวิพากษ์วิจารณ์สังคมที่ไร้ความฝันผ่านเด็กสาวต่างจังหวัดที่โดนผู้ใหญ่กดทับอนาคตความฝันจุดมุ่งหมายจนไร้ที่ยืนในสังคม
หมวดหมู่ : | Drama |
สัญชาติ : | Thai |
กำกับโดย : | kongdej Jaturanrasamee |
ความยาว : | 2 ชั่วโมง 5 นาที |
นักแสดงนำ : | Jennis Oprasert, Praewa Suthamphong |
คำคมจากภาพยนตร์
"หนูยังไม่มีความฝันอะไรเลยค่ะ การไปจากที่นี่นับว่าเป็นความฝันได้ไหมคะ"
เรื่องย่อ
ซู และเบล สองสาวที่เพื่อนสนิทกันมานาน โดย ซู นั้นได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และมี เบล ที่คอยช่วยเหลือในการทำตาม Checklist ต่างๆ ก่อนที่จะเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัว หรือจัดของ ไปจนถึงการจัดความรู้สึกอันซับซ้อนที่ ซู นั้นมี ว่าแท้จริงแล้ว เธอควรที่จะเดินทางไปจริงๆ หรือไม่?
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Where We Belong นี่คือหนังคุณภาพจากมันสมองของคงเดช จาตุรันต์รัศมี ไม่ได้พูดเกินจริง ในเวลานั้นหนังเข้าฉายด้วยกระแสสาวๆ BNK 48 พร้อมกับเนื้อหาที่ทำให้ผู้ชมในวงกว้างงงเป็นไก่ตาแตกคุณทำหนังพูดถึงอะไรว้า ทั้งที่ความเป็นจริงนี่คืองานวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยในยุคที่เด็กมัธยมเติบโตขึ้นมากับไร้ความฝันไร้โอกาสจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดี โดนกดทับโดยอำนาจที่พวกเขาไม่มีวันแก้ไขอะไรได้เลย อาจจะเป็นหนังทุนต่ำก็จริง แต่หนังสำรวจปมความปวดร้าวของเด็กสาวที่มีชีวิตแบบสิ้นหวัง ไม่แปลกใจที่เวลาต่อมาผู้กำกับ นำ Message บางอย่างไปสานต่อใน Faces Of Anne
- สายหนังดราม่า
- สายหนังประชดประชันสังคม
- สายหนังรางวัล
รีวิว / สรุปเนื้อหา
คงเดช จาตุรันต์รัศมี นอกจากจะเป็นนักแต่งเพลง คนทำโฆษณา ศิลปินวง 4 เต๋าเธอ เขายังเป็นนักเขียนที่มักจะบันทึกเรื่องราวในกรอบสังคมไทยอยู่เสมอผ่านผลงานหนัง แทบทุกเรื่องคือการเสียดสีประชดประชันวิจารณ์สังคมไทย ผ่านตัวละครส่วนใหญ่ที่จะเป็นวัยรุ่นผู้หญิง และเรื่องนี้กเช่นเดียวกัน นี่ไม่ใช่หนังรัก ไม่ใช่งานขายไอดอล BNK เลยสักนิด หนังพูดถึงปัญหาโครงสร้างประเทศไทยที่เด็กสาวต่างจังหวัดไร้ความหวังไร้ความฝัน มันแย่มากจนเธอไม่มีจุดหมายปลายทาง การดิ้นรนของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากออกจากประเทศ สอบภาษาอังกฤษ และพบคำตอบว่าจะไปฟินแลนด์ แต่เธอก็ไม่รู้จักประเทศนี่อยู่ดี มันตลกร้ายที่แวดล้อมภูธรที่จันทบุรี เงียบสงบแต่เธอกลับอยากดิ้นรนหนีออกจากสิ่งที่เธอไม่ต้องการ เป็นลูกสาวร้านก๋วยเตี๋ยวที่พ่อหวังจะให้สืบทอดกิจการ ก้มหน้าก้มตาอยู่กับชีวิตแบบนี้ต่อไป โดยที่เธอเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นเลย แต่โดนกดขี่เพราะความเป็นลูกจนยัดเยียดคำว่าพ่อคำว่าบุญคุณ นี่ยังไม่รวมถึงความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับแม่ตัวเอง หรือเพื่อนที่เคยสนิทบาดหมางจนไม่คุยด้วย เธอมีแค่เพื่อนผู้หญิงที่ไปไหนมาไหนด้วยกันพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ นี่คือภาพของกลุ่มของต่างจังหวัดที่เราเคยเห็นจนชินตา เมื่อถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังเลยทำให้เข้าอกเข้าใจชีวิตพวกเขา
การไปขอทุนไปต่างประเทศอย่างฟินแลนด์ ประเทศที่ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก จริงๆแล้วแค่ขออ้างเพียงแค่เธออยากหลุดพ้นจากกรอบที่เธออยู่ มันไร้ความฝันเด็กสาวคนหนึ่งแทนที่จะได้มีแรงบันดาลใจได้ทำโน่นทำนี่แบบที่อยากคิดอยากจะเป็น แต่เพราะความผิดเพี้ยนของสภาพสังคมที่ผิดเพี้ยนไปหมด หนังเต็มไปด้วยการประชดประชัน โดยเฉพาะแง่มุมของผู้ใหญ่ที่พยายามยัดเยียดให้เด็กเป็นให้คิดตามแบบชุดความคิดตัวเอง เหมือนอารมณ์อาบน้ำร้อนมาก่อน มันตลกร้ายที่พอได้ย้อนดูหนังเรื่องนี้อีกรอบมันคือความห่วยแตก โลกไปไหนไกลแล้ว แต่ผู้ใหญ่ยังมีชุดความคิดแบบเดิมๆอยู่ไปวันๆมาพูดกรอกหูเด็กวันยังค่ำ เอาแค่ซีนร่างทรง ที่บ่งบอกให้รู้เลยว่าวิพากย์วิจารณ์สังคมที่ยังมีความเชื่องมงาย ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้อินอะไรกับแบบนี้แล้ว มันคือมายาคติที่สังคมนี่หนีไม่พ้น เชื่อว่าหลายๆบ้านคงประสบปัญหาคล้ายๆกันเมื่อลูกจะไปต่างประเทศมีสังคมใหม่ๆเข้ามา คนแก่คนมีอายุชอบพูดโน่นพูดนี่หาเรื่องสร้างสถานการณ์มาหลอกเพื่อบอกว่าที่นี้ดีสุด มันคำโกหกเพื่อรั้งให้อยู่ต่อทั้งที่สภาพสังคมปัจจุบันมันเลวร้ายและยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นางเอกเบื่อหน่ายและชัดเจนว่าแค่ไปให้พ้นจากที่นี้มันก็มีความสุขแล้วสำหรับเธอ ผู้ใหญ่บางคนชอบพูดว่าไม่มีที่ไหนสุขสบายเท่าประเทศตัวเอง สำหรับบางคนมันแค่คำพูดหลอกเด็ก ถ้าหากคุณไม่มีเงิน จะกินข้าว จะหาหมอยังไงละเพราะทุกอย่างก็ต้องใช้เงินซื้อ แบบที่นางเอกอยากแสว่งหาโอกาสความก้าวหน้าให้ชีวิตได้อยู่ในวัฒนธรรมสังคมที่เปิดกว้างทั้งเรื่องการศึกษา ความคิด ข้อกฏหมาย หรือการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ มีสิทธิ์มีเสียงแบบ 100 เปอร์เซนต์นี่แหละคือฝันที่เธอต้องการที่มองหาในสังคมปัจจุบันแล้วไม่มี Message ของพี่คงเดช เฉียบขาดและหนังเรื่องนี้ก็วิจารณ์ผ่านตัวละครผู้หญิงได้น่าเห็นอกเห็นใจและกลายเป็นเครื่องสะท้อนความคิดตัวเองว่าที่ที่เราอยู่มันดีจริงๆแล้วหรือ หรือเป็นแค่คำพูดสวยหรูก็เท่านั้น
การแสดงของ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ คือสิ่งที่น่ายกย่อง จากไอดอลสาวในเวลานั้นเธอฉายแววความเป็นนักแสดงออกมาได้ดีเกินคาด ผ่านสีหน้าแววตาที่นิ่งสงบเยือกเย็นบทพูดไม่ต้องเยอะแต่ถ่ายทอดออกมาได้แบบคนที่สิ้นหวังน่าเห็นอกเห็นใจ สภาพแวดล้อมทำร้ายเธอแบบที่ไม่ทันตั้งตัว เป็นการสำรวจความปวดร้าวที่เป็นธรรมชาติ ตามมาด้วย แพรวา สุธรรมพงษ์ ที่มารับบทเพื่อนซี้คนสำคัญคนที่เข้าใจตัวซู และพร้อมจะซัพพอร์ทไปเรื่อยๆ, คุณจอน ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย คุณพ่อบทบาทที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ยัดเยียดในสิ่งที่ลูกไม่ต้องการจนกลายเป็นความบาดหมางครั้งใหญ่ในเรื่อง ประกอบกับองค์ประกอบหนังมันเรียบง่ายดูจริงจังมากๆ เซ็ตติ้งโลเคชั่นที่จันทบุรีทุกอย่างดูเงียบสงบ แถมเพลงสกอร์ การตัดต่อมันก็ทำหน้าที่เหมือนคนที่สิ้นหวังไปด้วย กลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้ทำหน้าที่เล่าเรื่องไปแบบหดหู่ผ่านความรู้สึกที่สิ้นหวังของเด็กสาวที่เติบโตมาด้วยซากปรักหักพังทางการเมืองและไม่รู้ว่าตนจะเอายังไงกับชีวิตต่อดี รู้เพียงว่าที่นี่ไม่เหมาะอีกแล้ว
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- คงเดช จาตุรันต์รัศมี ผู้กำกับได้ทุนจากเทศกาลหนัง Busan Film Festival 18 ล้านบาท จาก ได้รับรางวัล ซีเจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่ประเทศเกาหลีใต้
- ป๊อด โมเดิร์นด็อก หรือ ธนชัย อุชชิน เป็นเพื่อนสนิทกับผู้กำกับหนังและถูกชักชวนมาทำเพลงประกอบหนังเป็นครั้งแรก
- บทหนังบางส่วนที่คงเดช คิดไว้ถูกสานต่อไปยังหนัง Faces Of Anne
- หนังกวาดรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ครั้งที่ 29 ไปมากถึง 6 สาขา
- นายทุนเรื่องนี้คือซีเจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์จากเกาหลีใต้