เรื่องย่อ

จ่าพีระ ตำรวจหนุ่มจากกาญจนบุรีที่ใช้ชีวิตในช่วงปี 80 กำลังไล่ตามล่าตัวฆาตกรที่ฆ่าผู้หญิงด้วยถุงน่อง แต่ระหว่างทางเข้าพลาดท่าถูกตีหัวสลบไปในอุโมงค์ และทำให้เขาได้ไปโลกอนาคตในอีก 30 ปีต่อมา ปี 2018 โลกที่พัฒนาไปแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาคุ้นเคยเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือยังคงมีฆาตกรโรคจิตฆ่าผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง แบบคดีที่เขาทำเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Tunnel เป็นงานสืบสวนสอบสวนที่สนุกมาก รู้สึกว่า True CJ มีพัฒนาการที่ดีในการทำซีรีส์ไปเรื่อยๆ จริงๆเรื่องนี้ออนแอร์ในปีเดียวกับ Voice แต่อาจเพราะหน้าตานักแสดงไม่ได้ดึงดูดมากในเวลานั้น ความสนใจเลยลดน้อยลงไป นี่มีโอกาสได้ดูแบบเต็มๆ 16 ตอนรวด แล้วรู้สึกว่าซีรีส์ชุดนี้ดีมาก ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นโปรดักชั่นละครเลย แถมเนื้อหาแก่นเรื่องจาก Tunnel ยังคงเดิม เพียงแต่ว่าพอเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย โลเคชั่นที่เลือกไปที่กาญจนบุรี และการล่าเบาะแสฆาตกรรมหาตัวคนร้ายในแต่ละตอนสนุกน่าติดตาม ไม่ได้ยัดเยียดเนื้อหามากเกินไป แต่ละตอนร้อยเรียงเรื่องราวได้กลมกลืนและมักมีเบาะแสอะไรใหม่ๆมาเชื่อมโยงกับฆาตกรอยู่เสมอ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

เป็นงานรีเมคเกาหลีที่ดีมาก และโดนประเมินค่าต่ำเกินไปจริงๆ Tunnel มีองค์ประกอบจากต้นฉบับที่ค่อนข้างดีจากเกาหลี เมื่อมาเล่าในสไตล์ไทย โทนเรื่องมีความสนุกจากตอนแรกไปจนถึงตอน 16 ฆาตกรที่ฆ่าผู้หญิงถูกปิดบังคลี่คลายเบาะแสไม่ถูก แต่พล็อตเรื่องใช้ตำรวจที่เดินทางจากอดีตมายังอนาคตเป็นคนเดินเรื่อง ผ่านนิสัยผู้ชายมุทะลุ และมีนายตำรวจคู่หูที่ไม่ชอบขี้หน้ากันตั้งแต่วันแรกที่ต้องมาสืบคดีร่วมกัน คนหนึ่งมีปูมหลังอดีตที่ยากลืม ส่วนอีกคนคืออยากกลับบ้าน เมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องทำงานสืบคดี บทเวอร์ชั่นมีลูกล่อลูกชนตลอดเวลา เบาะแสใหม่ๆมักโยนเข้าไปหาตัวละครให้ต้องจัดการคลี่คลาย มันไม่ได้โยงไปแค่ฆาตกรที่ฆ่าผู้หญิง แต่ในทุกๆตอนมันจะมีเรื่องราวใหม่ๆที่ตื่นเต้นให้ท้าทายคนดู บางตอนแอบสอดแทรกความไม่ยุติธรรมในสังคมลงไปได้อย่างแนบเนียน ตัวละครหลักต้องใช้ความกดดันปมปัญหาชีวิตที่ตัวเองได้รับบาดแผลจากตัวฆาตกรไล่ล่าอย่างเป็นบ้าเป็นหลัก โดยที่ตัวละครลับชอบมาปั่นป่วนพวกเขาระหว่างทางเป็นประจำ ค่อนข้างชอบเซ็ตติ้งการสร้างสถานการณ์ในเรื่องที่สร้างพล็อตเรื่องที่กาญจนบุรีได้จริงจังในทุกตอน

ความเจ๋งของซีรีส์ชุดนี้คือการร้อยเรียงเรื่องราวได้อย่างแนบเนียนจากคดีเก่าไปยังคดีใหม่ พล็อตเรื่องแต่ละตอนรูปคดีไม่เหมือนกัน หักมุมไปมาหลอกล่อคนดูเอาซะจนไขว่เขว เรื่องนี้ใช้น้ำหนักของตัวละครหลักที่ทุกคนที่บาดแผลมีปมในใจที่มาพร้อมความสูญเสียไปแกนหลัก ทำให้การสืบคดีพวกเขาเลยเข้าใจความเจ็บปวด และส่งผลมายังการทำหน้าที่ของตำรวจที่เหมือนจะพึ่งพาอะไรไม่ได้ ตัวละครหลักบ้าระห่ำต้องการจับคนร้ายให้ได้เพราะเรื่องราวในอดีตกับปัจจุบันคนใกล้เคียงกัน แน่นอนว่าพระเอกมีจุดเชื่อมโยงคือเขามั่นในจว่าถ้าหากจับคนร้ายที่ทำความผิดได้อย่างน้อย น่าจะคลี่คลายให้เหยื่อและบรรเทาความเจ็บปวดให้ครอบครัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้แน่นอนว่าแรงจูงใจก็มาจากการลงมือโดยมีปมในใจมาจากครอบครัวที่โดนกระทำ แน่นอนว่าคนร้ายตัวจริงแม่งก็ฉลาดอีกตั้งหาก

แม้ว่าภาพของนักแสดงหลัก 3 คนอาจจะไม่ได้โด่งดังในเวลานั้น ทั้ง ท็อป ทศพล ที่เวลาต่อมาเขาก็ไปเล่น 4 Kings แต่ภาพจ๋าพีระ ตำรวจผู้ไม่แคร์หลักฐานในยุคปัจจุบัน เน้นทำงานแบบวันแมนโชว์ เป็นคนปากเสีย แทบจะถอดตัวละครมาจากฝั่งเกาหลีต้นฉบับเลย ท็อป แสดงได้ดีมากๆ ยังรู้สึกเสียดายที่เขาฉายแววออกมาตั้งนานแล้ว การแสดงที่เด่นไนเรื่องๆที่การฟาดฟันตัวฆาตกรในเรื่องที่ทำให้จ่าพีระโคตรมีเสน่ห์ จอห์นนี่ ห่าว หมดแทนไท คู่หูที่ไม่ชอบขี้หน้าจ่าพีระ ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ จริงจังกับงานไม่แคร์เพื่อนร่วมงานสักเท่าไหร่ ตัวละครนี้มีพัฒนาการที่ดีมาก ในพาร์ทของดราม่าซีนแอ็คชั่นหรือความรักโรแมนติก นายตำรวจหนุ่มที่มีปมในใจเขาทำงานโดยเชื่อในหลักการหลักฐาน ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับจ่าพีระ, มรกิต หลิว ด็อกเตอร์ดานิกา นักวิเคราะห์คนร้ายนิ่งสุขุมเยือกเย็นไม่ค่อยพูดกับใคร นี่คือตัวละครหญิงที่ดูแข็งนอกแต่อ่อนใน เป็น 1 กุญแจสำคัญที่ช่วยนายตำรวจ 2 คนไล่ล่าคนร้าย เพราะการวิเคราะห์เล่นเกมจิตวิทยากับคนร้ายถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการแสดงของต้นหลิวเลยก็ว่าได