Jigsaw (2017)

เกมต่อตัดตาย

Jigsaw Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

การกลับมาของ Jigsaw ที่ลดความโหดแหวะจากการฆ่า
สู่การเล่าเรื่องราว ที่มีพล็อตเจ๋งๆ ชวนติดตาม คุ้มค่าการกลับมาจริงๆ

หมวดหมู่ : Crime Horror Mystery
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Michael Spierig, Peter Spierig
ความยาว : 1 ชั่วโมง 31 นาที
นักแสดงนำ : Matt Passmore, Tobin Bell, Callum Keith Rennie

คำคมจากภาพยนตร์

“The truth will set you free.”
“ความจริงจะช่วยปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระ”

เรื่องย่อ

หลังจากฆาตกรสุดโหดอย่าง Jigsaw ได้ตายไปแล้วกว่า 10 ปี ในเมืองกลับยังเจอศพต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แถมหลักฐานก็บ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของ Jigsaw ในขณะเดียวกัน อีกสถานที่หนึ่ง ก็มีคนปริศนา 5 คน ที่ต่างมีสร้างความผิดบาปในอดีตเอาไว้ เลยโดนจับเข้ามาเล่นเกมสยองเพื่อให้สำนึกถึงการกระทำตัวเองกันอีกครั้ง ซึ่งถ้า Jigsaw ตายแล้วจริงๆ แล้วใครล่ะที่เป็นสานต่อเจตนารมณ์สุดโหดของเขาในครั้งนี้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Jigsaw หรือ Saw ภาคที่ 8 นี้ นับเป็นภาคต่อที่ไม่สามารถแยกออกมาดูเดี่ยวๆ ได้ เนื่องจากจักรวาลของหนังมันมีที่มาที่ไปต่อเนื่องกันไปหมด แต่หากอยากดูจริงๆ ก็พอไหว แต่อาจจะงงๆ และเกิดความสงสัยอยู่หน่อยๆ ซึ่งสำหรับแฟนเดนตายของหนังชุดนี้แล้ว น่าปลาบปลื้มกับมันมาก สำหรับการกลับมาเชืิอดแบบมีสไตล์ พร้อมทั้งพล็อตเรื่องที่มีความน่าสนใจ สับขาหลอกคนดูสุดๆ และยังมีบรรดา Easter Eggs จากภาคก่อนๆ ที่เอาใส่กันให้หายคิดถึงด้วย ดังนั้นหนังเรื่องนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ดู Saw มาก่อนตลอดทุกภาค หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้เรื่องในจักรวาลนี้มาก่อนแน่ๆ

  • สายหนังโหดเลือดสาด
  • สายหนังฆาตกรโรคจิต
  • สายหนังเอาชีวิตรอดจากฆาตกร 

รีวิว / สรุปเนื้อหา

สำหรับแฟนๆ Saw ในแต่ละภาคนั้น อาจจะรู้สึกถึงความอิ่มตัวขึ้นมาใน Saw สักประมาณภาค 6-7 ที่เนื้อเรื่องมันดูปนเปกันหมดจนยากที่จะแยกออกแล้วว่าเนื้อหา หรือกับดักแต่ละอันมันอยู่ในภาคไหนกันแน่ และดูเหมือนตัวหนังเองก็รู้ตัวอยู่เหมือนกันจากกระแสและรายได้ของหนังที่ลดลง จนทำให้หนังต้องกลับมาพักตั้งหลักกันก่อน และวางแผนถึงแนวทางของหนังชุดนี้กันใหม่ ซึ่ง Jigsaw ก็ออกมาเป็นคำตอบนั้น เมื่อหนังได้พี่น้อง Spierig มาเป็นผู้กำกับและกำหนดทิศทางต่อไป ก็ช่วยพลิกโฉมของหนังให้แตกต่างจากเดิมอยู่พอสมควร 

ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดๆ ก็คือหนังพยายามลดฉากทรมานทรกรรมในแบบโลว์เกรดที่ดูรุนแรงจนต้องเบือนหน้าหนีลงไปเยอะ แล้วแทนที่ด้วย กลวิธีการฆ่าในแบบที่มีสไตล์แทน ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่โหด เพียงแต่การใช้งานด้านภาพ หรือการออกแบบนั้น มาทำออกมาได้ดูมีคลาสกว่า ในขณะที่ความโหดก็ยังจัดหนักจัดเต็มเหมือนเดิม ทั้งเครื่องปั่นมนุษย์ หรือปลอกคอเลเซอร์ ก็นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่น่าจดจำสำหรับภาคนี้อยู่ไม่น้อยเลย

ในส่วนของเนื้อเรื่องก็นับว่าทำออกมาได้สนุก มีการหลอกล่อคนดูถึงการมีอยู่ของ Jigsaw ได้เป็นอย่างดี เพราะหากใครที่เป็นแฟนๆ ของ Jigsaw มาอยู่แล้ว ก็คงรู้ว่าตัวละครนี้นั้นตายไปตั้งแต่ภาค 3 แล้ว แต่เบาะแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภาคนี้นั้น ก็ชวนให้คิดว่า Jigsaw Return หรือไม่ก็ต้องมีทายาทอยู่แน่ๆ จนทำให้ระหว่างที่ดูตัวละครค่อยๆ โดนเชือดไป ก็ชวนลุ้นไปก้บเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยว่าหนังจะเฉลยออกมาในท่าไหนกันแน่ ซึ่งการสับขาหลอกก็นับว่าชวนเหวอและได้ผลมากเลยทีเดียว ทำให้การกลับมาของ Jigsaw ในภาคนี้ ดูมีสไตล์อยู่ไม่น้อย แถมพล็อตเรื่องก็ยังเจ๋งดีอีก จนเรียกได้ว่าคุ้มค่าที่ให้แฟนๆ รอคอยการกลับมาจริงๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Tobin Bell นั้นรับบท John Kramer หรือ Jigsaw มาถึง 10 ครั้ง โดยเป็นหนัง 8 ภาค และวิดีโอเกมอีก 2 ภาค นับเป็นการรับบทเดิมที่ยาวนานมากๆ
  • เครื่องปั่นมนุษย์ หรือ The Spiralizer นั้น เป็นไอเดียมาจาก Darren Lyn Bousman ผู้กำกับจากภาคก่อนๆ ที่มีแผนอยากจะมาใช้ตั้งแต่ใน Saw III แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ใช้จนมาถึงภาคนี้
  • ด้วยความสำเร็จของหนังที่ชุบชีวิตแฟรนไชส์จากภาคก่อนๆ ที่กระแสแผ่วลงไป จนทำให้ค่าย Twisted Pictures ก็ไฟเขียวให้สร้างภาค 9 และ 10 ต่อมาในทันที