The Zone Of Interest (2023)

วิมานนาซี

The Zone Of Interest Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

1 หนังนาซีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบหลายปี ซาวด์ประกอบเสียงทรมานสาดความความโหดร้ายที่ถูกเมินเฉยเอาไว้ มันเรียบง่ายแต่โคตรเจ็บปวด

หมวดหมู่ : Drama War
สัญชาติ : British-Poland
กำกับโดย : Jonathan Glazer
ความยาว : 1 ชั่วโมง 45 นาที
นักแสดงนำ : Christian Friedel, Sandra Hüller

คำคมจากภาพยนตร์

รูดี้เรียกฉันว่า ราชินีแห่งเอาช์วิทช์

เรื่องย่อ

หนังพูดถึงชีวิตของ Rudolf Höss ผู้บังคับการค่ายกักกัน Auschwitz ที่ฉายภาพความอบอุ่นแบบพ่อแม่และลูกอีก 5 ชีวิต พวกเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายมีบ้านที่สวยหรูมีสนามเด็กเล็กมีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย แต่ในอีกฟากหนึ่งของบ้านพักคือค่ายที่เอาไว้ทรมานสังหารคนยิวให้มากที่สุดตามนโยบายของนาซี

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Zone Of Interest คือหนังรางวัลที่ควรค่าแก่การชมสักครั้ง การที่ Steven Spielberg ยกย่องหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนังยอดเยี่ยมที่พูดถึงค่ายกักกัน Auschwitz ที่ดีสุดในรอบ 30 ปีมันย่อมเป็นเครื่องการันตีความไม่ธรรมดาของหนังเรื่องนี้ เรื่องราวของ The Holocaust ค่ายกักกันทรมานคนยิวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกหยิบมาทำเป็นหนังมากมายนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ตีความออกมาได้แปลกใหม่เท่ากับเรื่องนี้ เสียงชื่นชมมากมายบวกกับการเข้าชิงออสการ์หลากหลายสาขาย่อมพิสูจน์ได้ว่าการทำหนังในรอบ 10 ปีของ Jonathan Glazer เป็นการหวนคืนที่คุ้มค่า หนังถ่ายทอดในสิ่งที่ผู้กำกับคนไหนก็ไม่มีทางถ่ายทอดความโหดร้ายได้น่าหดหู่เท่าเขาอีกแล้ว

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นี่คือหนังนาซีที่เล่าเรื่อง ค่ายกักกัน Auschwitz ได้มีเสน่ห์แบบที่ไม่เหมือนใคร ท่ามกลางหนังนาซีทรมานคนยิวมักจะเล่าในมุมมองคนที่ได้รับผลกระทบบาดแผลที่ต้องเจอแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หนังเรื่องนี้ตีโจทย์ในมิติใหม่ มันก็น่าคิดเหมือนกันที่กลุ่มทหารนาซีที่ค่อยทรมานสังหารคนยิวพวกเขามีชีวิตเป็นอย่างไร และภาพหนังเรื่องนี้ฉายออกมาได้อย่างชัดเจน ทหารรับคำสั่งจากคนเผด็จการสังหารคนอย่างเลือดเย็น ที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายซะเหลือเกินบ้านพักที่ดูบรรยากาศรื่นรมทั้งที่อีกด้านหนึ่งมันเต็มไปด้วยบาดแผลความเจ็บปวดของคนธรรมดาที่โดนทรมานเจ็บปวดเจียนตา หนังไม่ได้เล่าด้วยภาพการฆ่าล้างแต่ใช้ภาพและเสียงเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้คนดูได้สัมผัสว่าทำไมพวกนาซีถึงเลือดเย็นทำตัวไม่รู้สึกรู้สาเมินเฉยไม่สนใจใยดีไม่หลงเหลือความเป็นคนเพียงเพราะความแตกต่างเรื่องชาติพันธ์ุเท่านั้น หนังไม่ได้เจาะลึกปูมหลัง Rudolf Höss แค่ฉายภาพชีวิตธรรมดาในแต่ละวันที่เขาเป็นเสมือนหัวหน้าครอบครัวดูเป็นคนดีอบอุ่นไม่มีพิษมีภัยกับลูกๆและภรรยา แต่หน้าที่การงานมียศใหญ่โตอุทิศตัวเพื่อนาซีสังหารนักโทษให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แน่นอนว่าหน้าที่นี้ดูยิ่งใหญ่กลายเป็นที่ภาคภูมิใจของเมียที่เพื่อนสนิทต่างพากันแซวว่าเป็นนายหญิง Auschwitz ได้ยินคำนี้แล้วรู้สึกหดหู่สิ้นหวัง ท่ามกลางการทำงานของ Rudolf เป็นหน้าเป็นตาให้เมีย มันค่อยๆทำให้เห็นถึงความอำมหิตเลือดเย็นไร้ความเป็นคนหลงเหลือ

หนังถ่ายทอดออกมาได้สมจริง อารมณ์เหมือนดูรายการ Reality ยังไงยังนั้น การวางกล้องไว้ทั่วบ้านไม่ต่างจากสารคดีทำให้เทคนิคของหนังมันดูน่าติดตาม และเปิดพื้นที่ให้คนดูได้สังเกตุพฤติกรรมรอบนอกอย่างใกล้ชิด ซีนหนังต่างๆมันเรียบง่ายได้เห็นพฤติกรรมของตัวละครเวลาผ่านไปมันทำให้ได้เห็นพฤติกรรมของตัวละครที่เลวร้ายหนักข้อขึ้นไปเรื่อยๆ จนได้เห็นว่าตัวละครเองก็มีปัญหาชีวิตเช่นกัน พวกเขาแทบไม่มีความสุขต่างอยู่ในโลกของตัวเอง พล็อตหนังดูเรียบง่ายแต่แม่งโหดร้าย โดยไฮไลท์หลักของหนังก็คือซาวด์และเสียงเนี่ยแหละที่เป็นตัวขับเคลื่อนหนังชั้นดีตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ เสียงปืนที่สังหารคนยิว การกดขี่คนยิวทุกเรื่องแบบควันจากเตาเผ่าศพที่ลอยออกมาจากฝั่งตรงข้าม แม้จะไม่มีภาพแต่มันทำงานกับผู้ชมได้ทันที มันเป็นความชั่วร้ายที่แสร้งทำตัวว่าตัวเองไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแต่มันเป็นความเลวร้ายที่หนักหน่วงที่ยากเกินให้อภัยได้ หนังแทบไม่ได้เน้นบทพูดอะไรมากเจตนาของผู้กำกับคือใช้ภาพและเสียงสื่อสารให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง คนนาซีในตอนนั้นมีชุดความคิดแค่ว่าคำสั่งจากเบื้องบนต้องทำตามจนแยกไม่ออกผิดชอบชั่วดีขนาดนั้นเลยหรอ มันสาดความย้อนแย้งให้เห็นว่าตัวละครผัวเมียคู่นี้ก็แค่ฟันเฟื่องที่ถูกนโยบายขายฝันของนาซีก็เท่านั้น หลงระเริงกับความภาคภูมิใจจอมปลอมที่คนภายนอกไม่รู้สีกชื่นชมสะอิดสะเอียน และบทสรุปของหนังมันจบได้น่าประทับใจ

การกำกับของ Jonathan Glazer สร้างบรรยากาศได้น่าหดหู่สิ้นหวังคุมโทนได้อยู่หมัดดึงศักยภาพของ 2 นักแสดงนำออกมาได้ดีเกินคาด พาคนดูไปสำรวจโลกที่โหดร้ายป่าเถื่อน ผ่านตัวละครหลักอย่าง Christian Friedel นายทหารที่ภาคภูมิใจกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่โดยไม่รู้เลยว่าชีวิตไร้ความสุขชื่นชอบคนสรรเสริญ แต่ชีวิตคู่กลับกลายเป็นสิ่งที่หวานข่ม การไร้ความรู้สึกรู้สาต่อเพื่อนมนุษย์แม้จะไม่มีฉากฆ่าฉากทรมาน แต่มันคือความป๋าเถื่อนแบบที่ให้อภัยไม่ได้ การแสดงที่ดำดิ่งไปขนาดนี้คือว่าใช้พลังงานมาก ด้าน Sandra Hüller หญิงแกร่งที่ใครต่อใครยกย่องว่าเป็นนายหญิง Auschwitz ที่เก็บเศษซากของใช้ของคนยิว เลี้ยงดูลูกๆ แต่ไม่รับรู้เลยว่าเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ข้างเจ็บปวดเจียนตายกลับความเลวร้ายที่หลงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เป็นความไร้ยางอายที่ถ่ายทอดออกมาได้อำมหิต

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • โลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำจริงอยู่ที่โปแลนด์ และอยู่ไม่ห่างจากค่ายกักกัน Auschwitz
  • การชนะออสการ์ และบทพูดของผู้กำกับ Jonathan Glazer ทำให้ผู้กำกับฮังการียิวอย่าง László Nemes ที่ทำหนังได้รางวัลออสการ์จากเรื่อง Son of Saul ไม่พอใจมาก
  • ทีมงานใช้เวลาออกแบบโลเคชั่นถ่ายทำอยู่ 4 เดือน