The Perk of Being a Wallflower (2012)
วัยป่วนหัวใจปึ้ก
คะแนน
โกดังหนัง
หนังว่าด้วยการเติบโตของวัยรุ่นที่มีต่างมีปมปัญหาในชีวิตตัวเอง
ผ่านความรัก ความผิดหวัง และการเติบโตสู่ชีวิตในอนาคต
คำคมจากภาพยนตร์
“We accept the love we think we deserve.” “พวกเรายอมรับความรัก ที่พวกเราคิดว่ามันเหมาะสมกับเรา”
เรื่องย่อ
ชาร์ลี เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาไฮสคูลเป็นปีแรก ด้วยความที่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวด้วยปมบางอย่างในจิตใจ เขาจึงไม่คิดอยากจะมีเพื่อนและหวังว่าจะให้ชีวิตวัยรุ่นของเขาผ่านไปอย่างเรียบง่ายไม่ต้องสนใจใคร แต่แล้ว ชาร์ลี ก็มีโอกาสได้มาพบกับ แซม และ แพททริค รุ่นพี่ปี 4 ที่ได้พาเขาให้มาสนุกกับการใช้ชีวิตในวัยนี้ได้อย่างเต็มที่ และหาประสบการณ์ต่างๆ จนทำให้เขาได้พบกับทั้งความรัก ความสนุก ความเศร้า และความผิดหวังที่จะทำให้เขาได้เติบโตต่อไปในอนาคต
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Perk of Being the Wallflowers เป็นหนังที่ใครที่ชอบแนว Coming-of-Age หรือการเติบโตของวัยรุ่นนั้นน่าจะชอบในความครบรสของมันมากๆ ในโทนที่มาแบบนิ่งๆ เรียบๆ แต่สุดท้ายแล้วมันกลับบาดใจไปกับชีวิตแต่ละตัวละครซะเหลือเกิน รวมถึงบทพูดคมๆ มากมายที่หนังได้หยิบเอามาใส่ได้ชวนคิดมากๆ ถ้าใครชอบหนังรักที่มีมุมแปลกๆ หรือปมตัวละครดีๆ แต่ไม่ฟูมฟาย อย่าง Silver Linings Playbook, 500 Days of Summer อะไรแบบนี้แล้ว จะต้องหลงรักหนังเรื่องนี้ไปด้วยอย่างแน่นอน
- สายหนังวัยรุ่น Coming-of-Age
- สายหนังชีวิตวัยรุ่นวัยเรียน
- สายหนังดัดแปลงจากนิยาย
รีวิว / สรุปเนื้อหา
จากนิยายขายดีในชื่อ The Perks of Being a Wallflower ของปี 1999 จากปลายปากกาของ Stephen Chbosky ที่พอมาถึงปี 2012 เขาก็ได้เอาผลงานนี้ของตัวเอง มาทำเป็นภาพยนตร์จากการเขียนบท และกำกับด้วยตัวเอง มันเลยได้ความซื่อตรง และคัดเอาประเด็นเน้นๆ จากตัวต้นฉบับออกมาสู่ฉบับภาพยนตร์ได้อย่างสวยงามมากๆ อีกทั้งยังสร้างสีสันได้จากบรรดานักแสดงชั้นนำที่พาเอาตัวละครเหล่านั้นออกมาโลดแล่นได้เป็นที่น่าสนใจ และเป็นที่รักของผู้คนเป็นอย่างมาก สำหรับผลงานทั้ง 2 รูปแบบ ทั้งจากนิยายและหนังเลย
แม้ว่าภาพลักษณ์จะเป็นดูเหมือนหนังวัยรุ่นที่พยายามเรียนรู้และเติบโต ในช่วงวัยเรียน ด้วยเรื่องราวการใช้ชีวิตของพวกเขา การทำตัวให้เป็นที่ยอมรับ และกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นความสุข แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละตัวละครกลับมีปมบางอย่าง ที่มีความดำมืดกว่าที่เราคิด ทั้งจากตัวเอกเองที่ได้รับการเฉลยในภายหลังที่ทำให้เราได้เห็นตัวละครนี้เป็นอีกตัวละครที่น่าสงสารอยู่ไม่น้อย ในการพยายามที่จะใช้ชีวิตให้ผ่านจากความทรงจำที่เลวร้าย และให้อยู่ได้เหมือนคนปกติในสังคม ไม่ต่างจากอีก 2 ตัวละครที่เหลือ ที่มีเรื่องราวปัญหาชีวิตที่หนักไม่แพ้กัน
ในแง่ขององค์ประกอบอื่นๆ อย่างบทเพลง ที่นำมาใช้เสริมเรื่องราว ก็เป็นเพลงในยุค 90s เพราะๆ ที่ช่วยทำให้เพลินไปกับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย ค่อยไปค่อยไป ให้เราค่อยๆ รู้จักแต่ละตัวละครมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการแสดงที่เป็นธรรมชาติของทีมนักแสดงทั้งสาม ที่ทำให้เราอดหลงรักคาแรคเตอร์ของพวกเขาไม่ได้ จนสุดท้ายหนังก็ทำให้เราเข้าใจว่า สุดท้ายแล้วชีวิตคนเราอาจไม่ต่างกับการเป็นดอกไม้ที่ขึ้นตามกำแพงและปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อม เพื่อให้เติบโตขึ้นมาได้ในอนาคต
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ที่คนเขียนหนังสือนั้น จะขึ้นมาเป็นผู้กำกับฉบับหนังด้วยตัวเอง เพราะโดยส่วนมากเรามักเห็นเจ้าของนิยายที่ขึ้นมาเขียนบทให้ฉบับหนังเท่านั้น แต่ Stephen Chcbosky ก็แทบจะควบในทุกตำแหน่งเลย ทั้ง เขียนบท กำกับ และเป็นโปรดิวเซอร์เองด้วย
- Emma Watson เคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอรับบทนี้มาเพราะ ผู้กำกับเคยบอกกับเธอว่า นี่ไม่ใช่แค่เพียงเป็นบทที่สำคัญที่สุดของเธอเท่านั้น แต่มันจะยังเป็นช่วงหน้าร้อนของชีวิตที่จะได้พบกับเพื่อนๆ ที่ดีที่สุดด้วย ซึ่งเธอก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ