The Ides of March (2011)
การเมืองกินคน
คะแนน
โกดังหนัง
หนังการเมืองที่กัดจิกเสียดสีได้แบบเจ็บแสบ
ย้ำเตือนให้เราได้รู้ว่าการเมืองมันน่ากลัวจริงๆ
หมวดหมู่ : | Drama |
สัญชาติ : | American |
กำกับโดย : | George Clooney |
ความยาว : | 1 ชั่วโมง 41 นาที |
นักแสดงนำ : | Ryan Gosling, George Clooney |
คำคมจากภาพยนตร์
"There's only one thing I value and that's loyalty. And without it, you're nothing." "มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมให้คุณค่าและนั่นคือความภักดี และถ้าไม่มีมัน คุณก็ไม่มีค่าอะไร"
เรื่องย่อ
สตีเฟ่น เมเยอร์ส นักวางแผนกลยุทธ์หนุ่มรูปหล่อ ที่ทำงานให้กับผู้ว่าฯ ไมค์ มอร์ริส นักการเมืองอนาคตไกลที่กำลังบี้เก็บคะแนนเพื่อเป็นตัวแทนของพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ แต่เกมการเมืองนั้นนอกจากจะสกปรก เต็มไปด้วยลับลมคมใน และการปิดบัง รวมถึงบิดเบือนเรื่องฉ้อฉล มันยังกัดกินจิตวิญญาณที่เปี่ยมอุดมการณ์ของเราไปด้วย นั่นทำให้ สตีเฟ่น ต้องตัดสินใจว่าจะทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ เมื่อเขาได้รับรู้ว่า เจ้านายที่เขาศรัทธาหาได้มือสะอาดอย่างที่คิด
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Ides of March เป็นหนังที่ภาพดูสวยงามแต่เนื้อหาข้างในสกปรกมาก คนที่ชอบและอินกับหนังสไตล์การเมืองจะชอบเรื่องนี้ไม่ยาก เพราะหลายๆประเด็นมันใกล้ตัวเรามาก นักการเมืองคืออาชีพที่ทำเพื่อผลประโยชน์ ตัวละครหลักเมื่อเจอสถานการณ์แบบนั้นทำให้เขาต้องดิ้นรนต่อสู้และต้องรับมือการเรื่องไม่ดีไม่งาม หนังสื่อสารออกมาได้แบบเจ็บแสบกัดจิกแบบมีชั้นเชิงต่อประเด็นทางสังคมการเมืองในอเมริกา สุดท้ายหนังมันก็ทำให้เราเห็นว่าวงการนี้พร้อมหักหลังได้ทุกคนข้อมีเพียงแค่ผลประโยชน์
- สายหนังการเมือง
- สายหนังดราม่า
- สายหนังรางวัล
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ดูเรื่องนี้จบบอกได้คำเดียวว่าอย่าได้ไปไว้ใจนักการเมืองเลย คำพูดตอนหาเสียงกับการกระทำตรงข้ามหมด หนังเรื่องนี้สะท้อนบทเรียนทางการเมืองได้แบบเจ็บแสบผ่านตัวละครหนึ่งที่มีหน้าที่ดูแลภาพลักษณ์ แต่เมื่อเข้ามาสัมผัสแวดวงนี้แล้วเขาพบความจริงว่ามันสกปรกกว่าภาพที่คนเหล่านั้นสร้างภาพเวลาพบปะผู้คนรวมถึงผ่านสื่อที่พูดจาหวานอวดอ้างคุณภาพพร้อมนโยบาย หนังมาพร้อมกับความโสมมในแวดวงการเมืองที่ครบทุกรูปแบบ วงการนี้ ไม่มีคำว่า มิตร และ ศัตรู ทุกคนสามารถเป็นมิตรและเป็นศัตรูไปได้พร้อมๆกัน เบื้องหน้าการปราศัยกับประชาชนนักการเมืองย่อมดูดีเสมอ แต่เบื้องหลังเป็นอีกอย่าง ที่สำคัญ นักการเมืองมักทำเพื่อตัวเองเสมอ เช่น มีตัวละครมอร์ริสทำผิดทำให้เด็กฝึกงานต้องตาย แต่เมื่อถูกจับได้ เขาเองก็ไม่ได้ออกมายอมรับในสิ่งที่ทำไป แต่กลับเดินหน้าหาเสียงต่อ และพร้อมทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ นอกจากนี้ ในวงการเมืองไม่มีคำว่า ซื่อสัตย์ ซึ่งหนังถ่ายทอดประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะตัวละครทุกตัวเห็นแก่ตัวเองทั้งสิ้น หวังชื่อเสียงเงินทองเอาหมดทุกอย่าง โดยไม่คำนึงว่าเราไปหักหลังทรยศใครเขาบ้าง เนื้อหาสื่อสารได้ดีมากมันทรงพลังต่อคนดูเรื่องนี้
เมื่อเราดูหนังเรื่องนี้มันมีความรุนแรงทางการเมือง สงครามที่สาดโคลนกันไปมาดิสเครดิตคู่แข่งหวังจะทำลายชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งการล่วงรู้ความลับคู่แข่งติดต่อเพื่อทำการโน้มน้าวแบล็คเมลล์ ทำให้ชายหนุ่มที่ยึดมั่นในอุดมการณ์อย่าง เมเยอร์สต้องคิดและไตร่ตรองว่าเขาจะเลือกเดินไปทางไหนดี จะยังคงยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองต่อไปหรือกลับลำ หนังทำให้เราได้เห็นการแสดงของพระเอกที่เปลี่ยนแปลงเขาเริ่มรู้ตัวว่าตนเองเดินเกมผิดดันไปพบกับทีมงานคู่แข่ง เพราะมันเกิดจากความลำพองในตัวเองจนเกินไปทำให้ความมั่นใจที่มีพังลงทันที ความเป็นเด็กใหม่ในสังเวียนการเมืองทำให้ตัวละครเมเยอร์สรู้ดีว่าเขายังอ่อนหัดและห่างไกลจากคนที่เหลี่ยมจัดในแวดวงการเมืองอยู่วันยังค่ำ เขาไม่สามารถหามิตรแท้ได้เลย ยิ่งการพูดคุยเหมือนยังห่างชั้น เมื่อได้รับบทเรียนที่ล้ำค่าทำให้ เมเยอร์ส รู้ทันเกมกล้าพิสูจน์ตัวเองต่อรองกับคู่แข่งเพื่อหาหนทางในชัยชนะ หนังเหมือนย้ำเตือนเราอยู่เรื่องหนึ่ง คนเราต้องยอมอ่อนข้อให้คู่แข่งก่อนศึกษาให้แน่ใจว่าจุดประเด็นของพวกเขาคืออะไรอย่าไปหลงคารมณ์ใครเด็ดขาด เพราะเราไม่อาจไว้ใจใครได้จริงๆ
หากพูดถึงนักแสดงเรื่องนี้หลายๆคนมีคุณภาพมาก Ryan Gosling ชายหนุ่มที่ถูกจ้างให้มาดูแลภาพลักษณ์นักการเมืองก่อนลงสมัคร ชายที่วาดฝันว่าวงการนี้ดีแน่ๆทำเพื่อประชาชน แต่สุดท้ายเขาได้รับบทเรียนอย่างสาสม การแสดงของเขาตลอดทั้งเรื่องทำให้เราได้เห็นคาแรกเตอร์บุคลิกตัวละครนี้ที่เปลี่ยนไป ช่วงแรกมั่นใจในตัวเอง ช่วงสองดูเหมือนจะพลาดท่าเพราะไร้ประสบการณ์ และช่วงสุดท้ายเขาเท่าทันเหลี่ยมคนวงการเมืองซึ่งเขาได้เรียนรู้ก็เพราะรับบทเรียนจากคนในแวดวงนี้มาแล้ว, George Clooney นักการเมืองที่ดูเหมือนเป็นคนในฝันของประชาชน แต่สุดท้ายกลับทำผิดพลาด แต่ลอยหน้าลอยตาในสังคมเพราะภาพลักษณ์ที่หลอกลวงประชาชน, Paul Giamatti หัวหน้าทีมรณรงค์หาเสียงคู่แข่งของพระเอกที่ทำทุกอย่างเพื่อทำลายอีกฝั่ง, Philip Seymour Hoffman หัวหน้าทีมของพระเอกที่เหลี่ยมจัดรู้ไส้รู้พุงนักการเมืองหมดทุกรูปแบบ ว่าง่ายๆคือดูหนังเรื่องนี้จบบางทีคุณอาจจะไม่อ่านข่าวการเมืองอีกเลยก็เป็นได้
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- บทหนังดัดแปลงมาจากละครเวทีปี 2008 เรื่อง Farragut North ของ Beau Willimon
- Leonardo DiCaprio และ Chris Pine เคยถูกเสนอให้รับบทนำแต่ถอนตัวออกไป บท สตีเฟ่น เมเยอร์ส จึงตกเป็นของ Ryan Gosling