The Girl with the Dragon Tattoo (2011)

พยัคฆ์สาวรอยสักมังกร

The Girl with the Dragon Tattoo Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังสืบสวนสอบสวนสุดเข้มข้นจากนิยายชั้นดี สู่ฉบับฟินเชอร์ที่ไม่แพ้ต้นฉบับ ด้วยจังหวะการเดินเรื่องสุดกระชับ ชวนลุ้น ประกอบกับเสพงานภาพและเสียงจนฟิน

หมวดหมู่ : Crime Drama Mystery
สัญชาติ : American
กำกับโดย : David Fincher
ความยาว : 2 ชั่วโมง 38 นาที
นักแสดงนำ : Daniel Craig, Rooney Mara, Christopher Plummer

คำคมจากภาพยนตร์

“It’s hard to believe that the fear of offending.. can be stronger than the fear of pain.”
“มันยากที่จะเชื่อว่า ความกลัวจากการถูกคุกคาม มันเป็นยาแรงกว่าความกลัวจากความเจ็บปวด”

เรื่องย่อ

มิเกล บลอมวิสต์ นักข่าวสายแฉ ที่ดันไปเปิดโปงนักธุรกิจใหญ่ขึ้นมาจนต้องเสียอาชีพนี้ไป เลยออกมาเขียนหนังสือชีวประวัติให้กับ เฮนดริก วังเกอร์ ชายผู้ร่ำรวยแทน ซึ่งชายคนนี้ก็ได้ว่าจ้าง มิเกล ให้เข้ามาช่วยสืบเรื่องที่คาใจของเขามานานกว่า 40 ปี นั่นก็คือการหายตัวไปของหลานสาวของเขา ด้วยความซับซ้อนของเรื่องราว มิเกล จึงต้องใช้บริการ ลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ แฮ็กเกอร์สาวระดับเซียนที่มีบุคลิกกร้านโลกเข้ามาช่วยเหลือในการสืบสวนครั้งนี้ ก่อนที่จะนำไปสู่ความลับดำมืดและอันตรายที่เกินกว่าจะคาดคิด

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Girl with the Dragon Tattoo นั้น ก็เป็นหนังแนวสืบสวนที่คอหนังสายนี้น่าจะต้องชอบกัน ด้วยโทนสืบสวนอย่างจริงจัง ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและรายละเอียดมากมายที่ชวนค้นหา ท่ามกลางงานภาพที่ถ่ายทอดบรรยากาศออกมาได้สวยงามน่าหลงใหล ประกอบกับความซับซ้อนซ่อนเงื่อนของเรื่องราว ที่คอนิยายนักสิบต้องหลงรัก แต่กลับกันด้วยความที่ฉากแอคชั่นมีไม่มาก คนที่ไม่ชอบหนังสายที่ค่อยๆ คุยกัน ค่อยๆ สืบสวน อาจคอพับหลับกันเป็นได้ ซึ่งหากใครได้ดูตัวต้นฉบับ หรือหนังอย่าง Zodiac ของ David Fincher มาก่อนแล้วรอด ก็สนุกกับเรื่องนี้ได้แน่ๆ

  • สายหนังสืบสวนสายดาร์ค
  • สายหนังสืบสวนจากนิยายดัง
  • สายหนังสืบสวนสุดระทึก

รีวิว / สรุปเนื้อหา

อีกหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายชุด The Milllenium Trilogy ของนักเขียนชาวสวีเดนที่โด่งดังไปทั่วโลก จากการแปลไปถึง 46 ภาษา และขายได้มากกว่า 50 ล้านเล่ม ที่ก่อนนี้ืีที่บ้านเกิดก็ทำฉบับหนังในบ้านเกิดตัวเองมาแล้วในปี 2009 และได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจนแจ้งเกิดให้ดาราอย่าง Noomi Rapace มาโลดแล่นถึงวงการ Hollywood ได้ จากการแสดงสุดเข้มของเธอ แต่ในฉบับก็ถึงทีผู้กำกับมือฉมังอย่าง David Fincher เจ้าพ่องานเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ที่มีโทนการกำกับเหมาะกับหนังสไตล์สืบสวนอยู่แล้ว เลยทำให้งานนี้ออกมาละเอียด ละเมียดละไมใส่ใจดีเทลตามประสาผู้กำกับมากๆ

ในด้านของตัวบท ก็ดูเป็นการสืบสวนเต็มรูปแบบไม่ต่างอะไรจากของฉบับสวีเดนเลย ทั้งในช่วงแรกที่ดูปูเรื่องราวของตัวละครให้เราเข้าใจที่มาที่ไปแต่ละคนเสียก่อน ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดสืบสวนที่ก็ทำออกมาได้ชวนติดตามมากๆ มีการใช้ความโหด ความรุนแรง ได้อย่างเต็มที่คุ้มค่ากับ Rate R จนมันออกมาเป็นหนังสืบสวนอีกเรื่องที่มีโทนดิบได้ใจเข้ากับคาแรคเตอร์ของนางเอกได้มากจริงๆ ซึ่งหากมองแล้วฉบับนี้จึงไม่ต่างอะไรกับของสวีเดนมากนัก ยกเว้นในเรื่องของความกระชับ ฉับไวของการเล่าเรื่องที่ทำออกมาได้น่าติดตาม มากกว่าของสวีเดนที่เนิบช้าแต่ซึมลึกมากกว่า 

ทั้งสองเวอร์ชั่นจึงเปรียบเสมือนการกินอาหารเมนูเดียวกัน แต่ได้รสชาติที่ต่างกันตามสไตล์ของเชื้อชาติมากกว่า แต่ก็นับว่าปรุงมาได้อร่อยถูกปากทั้งคู่ ด้วยความที่ตัวบทต้นฉบับค่อนข้างมีความซับซ้อน เลยทำให้ต้องใช้พลังงานในการดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีตัวละครที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันมากมาย หากหลุดไปก็อาจทำให้งงกับหนังได้มากเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ในส่วนของงานด้านภาพชั้นดี และซาวน์ประกอบชั้นเยี่ยมก็ทำให้เราหลงใหลไปกับหนังได้จนยากที่จะละความสนใจจากมันอยู่แล้ว นับเป็นอีกหนึ่งหนังสืบสวนจากนิยายชั้นดีเลยทีเดียว

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Daniel Craig ต้องเพิ่มน้ำหนักเพื่อรับบทของ Mikael Bolqvist เพื่อเป็นการเปลี่ยนโฉมว่าเขาไม่ใช่ James Bond นะ แต่เขาเป็นนักข่าวธรรมดาๆ คนนึงที่ไม่ได้หุ่นเฟิร์มอะไร เพื่อให้คนดูและเขาเองเข้าใจในแบบนี้
  • เพื่อให้ทางค่ายหนังเชื่อว่า Rooney Mara ที่มีภาพลักษณ์เป็นสาวหวานมาก่อนหน้าจะมารับบทสาวกร้านโลกแบบนี้ ทาง David Fincher ถึงกับขอให้เธอออกไปเมาให้เต็มที่ หลังจากอ้วกแตกอ้วกแตนแล้ว เช่ามาก็ให้เธอเข้ามาแคสด้วยสภาพเมาค้างแบบนั้น จนสตูดิโอต้องยอม